- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 October 2015 17:09
- Hits: 1162
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1400
SET Index: 1380.45 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1375 จุดขึ้นไปทดสอบระดับ 1380 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณยืนยันการทะลุผ่านแนวโน้มขาลงในรอบ 3 เดือนของ SET Index ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1400 จุด ในขณะที่แนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นอยู่ที่ 1425-1430 จุดเป็นเป้าหมายในการปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีแนวรับสำคัญที่ 1370 จุด
แนวต้าน : 1385 และ 1388
แนวรับ : 1380 และ 1375
PTT = 262 / 265, ORI = 9.95&9.60 / 10.20, JAS = 5.50 / 5.60, TIPCO = 19.00 / 20.00, JWD = 13.50 / 14.00
PTT Exploration (PTTEP TB; THB 73.50) – ซื้อ
แนวต้าน : 77.00 และ 78.00
แนวรับ : 73.50 และ 73.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ยืนยันการทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้แล้ว ทำแนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้นต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 50
แนะนำซื้อ PTTEP โดยมีแนวรับที่ 73.50 และ 73.00 และมีแนวต้านที่ 77.00 และ 78.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 71.50 ลงไป
TTCL (TTCL TB; THB 21.40) – ซื้อ
แนวต้าน : 23.20 และ 24.00
แนวรับ : 21.40 และ 21.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างในระยะสั้นเข้าใกล้แนวรับของกรอบแนวโน้มขาลง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 30
แนะนำซื้อ TTCL โดยมีแนวรับที่ 21.40 และ 21.20 และมีแนวต้านที่ 23.20 และ 24.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 20.80 ลงไป
SET50 Index Futures
S50Z15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในระยะสั้น หลังจากทะลุผ่านแนวต้านสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย 200 ชั่วโมงที่ 882 ขึ้นไปได้ต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 890 และ 894 ในขณะที่แนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นอยู่ที่ 910
แนวต้าน : 890 และ 894
แนวรับ : 885 และ 882
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ต่อเนื่อง โดยมีแนวรับที่ 884-885 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอแนวต้านที่ 890 และ 894
STOP LOSS สถานะ Long ถ้าปิดต่ำกว่า 880 หรือหลุด 877 ลงไประหว่างวัน
JASZ15
เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณ 5.50 ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างเบาบาง แต่เมื่อพิจารณากรอบการเคลื่อนไหวในรอบ 6 เดือน แนวโน้มหลักยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 5.25 และ 5.15 และมีแนวต้านที่ 6.00 บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
แนวต้าน : 5.70 และ 5.78
แนวรับ : 5.50 และ 5.47
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน JASZ15 ที่แนวรับ 5.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.70 และ 5.80
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า JASZ15 ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 5.44 ลงไป
IRPCZ15
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาทดสอบแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 4.10 แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จึงทำให้การปรับตัวลดลงหลุดแนวรับที่ 4.00 ลงไป จะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค ในขณะที่การปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 4.10 ขึ้นไป จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.40
แนวต้าน : 4.20 และ 4.28
แนวรับ : 4.10 และ 4.00
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน IRPCZ15 ที่แนวรับ 4.10 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวต้านที่ 4.28 และ 4.40
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า IRPCZ15 ปรับตัวลดลงหลุด 4.00 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...กลุ่มพลังงานน่าจะหนุนดัชนีให้ยืนบวกได้ในวันนี้
เมื่อวานนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) โดยได้ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 3.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2009 โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.3% และต่ำกว่าการขยายตัวในปีที่แล้วที่ 3.4% โดย IMF ระบุว่าการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความผันผวนในตลาดการเงิน ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อตลาดโลก ขณะที่ความเสี่ยงในช่วงขาลงได้ปรากฎเด่นชัดขึ้นมากกว่าในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 3.6% โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.8% ทั้งนี้ การเปิดเผยรายงานดังกล่าวของ IMF มีขึ้นก่อนการประชุมร่วมกับธนาคารโลกในสัปดาห์นี้ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู อย่างไรก็ดี IMF ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้ขึ้น 0.1% สู่ระดับ 2.6% จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ค.ที่ 2.5% IMF คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 1.5% ในปีนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ในเดือนก.ค.
IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.8% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปีและอยู่ที่ 6.3% ในปีหน้า ขณะเดียวกัน IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปีนี้ลง 0.2% สู่ระดับ 0.6% แต่ดีกว่าปีที่แล้วที่หดตัว 0.1% ขณะเดียวกัน IMF ระบุว่าประเทศที่กำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่จะขยายตัว 4.0% ในปีนี้ ลดลง 0.2% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค. โดยเป็นการขยายตัวในอัตราที่ลดลงเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน นอกจากนี้ IMF ยังเตือนว่าประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับกระแสการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทในภาคเอกชน โดยบริษัทในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีระดับหนี้สูงถึง 30% ของจีดีพีของประเทศในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก (ยกเว้นสหรัฐที่ถูกปรับขึ้น) คาดว่าจะเป็นประเด็นลบกดดันตลาดหุ้น แต่ก็มีนัยที่อาจทำให้นักลงทุนประเมินว่าสหรัฐจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกยังชะลอตัวลงอยู่ก็เป็นได้และอาจทำให้นักลงทุนคาดการณ์ไปถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเพื่อหนุนให้ GDP ยังคงสามารถเติบโตในระดับ 7% ได้
เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นแรง 2.27 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ 4.91% ปิดที่ 48.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนก.ย. พร้อมคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงไปจนช่วงกลางปี 2559 ส่งผลให้ตลาดลดความกังวล supply ล้นตลาดลง บวกกับค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่าลงและ CEO ของ Shell เมื่อวานนี้กล่าวว่า ตลาดน้ำมันกำลังเริ่มฟื้นตัวแล้ว แต่ราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากปริมาณน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีจำนวนมาก จากผลดังกล่าวเราคาดว่าจะเห็นการเข้าซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอย่าง PTT PTTEP TOP PTTGC IVL BANPU IRPC BCP ในวันนี้ โดยหุ้นที่เป็น top pick ของเราในกลุ่มนี้ คือ TOP และ PTTGC
จากการที่นักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ 1,210 ล้านบาท เมื่อวานนี้ หลังจากที่ขายสุทธิไป 21,150 ล้านบาทในเดือนกันยายนและ 106,229 ล้านบาท นับจากต้นปี บวกกับค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าในระยะสั้นหลังจากที่ไม่ผ่านแนวต้านสำคัญในรอบ 6 ปี 7 เดือนที่ 36.50 บาท/ดอลลาร์ (ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลง หลังมีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็นปีหน้า) ทำให้ในระยะสั้นภาพตลาดอาจเริ่มมีการฟืนตัวขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงคาดว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดีใน SET50 ที่มีราคาปรับลดลงแรงและมีการทำธุรกรรม short selling ออกมามากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ตลาดปรับลดลง -2.5% จะเป็นเป้าหมายในการกลับเข้าซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ โดยหุ้นที่ถูกทำ short selling มากที่สุด 5 อันดับแรก ในช่วง 2 สัปดาห์ประกอบไปด้วย KBANK มูลค่า 1,116 ล้านบาท (ราคาปรับลง -5.2%), PTT มูลค่า 832 ล้านบาท (+1.2%), SCC มูลค่า 704 ล้านบาท (-4.1%), KTB มูลค่า 594 ล้านบาท (-1.2%) และ ADVANC มูลค่า 539 ล้านบาท (-2.2%) ซึ่งหากวิเคราะห์จากข้อมูลดังกล่าว บวกปัจจัยพื้นฐานและ upside จากราคาที่เหมาะสมของเรา เราแนะนำซื้อ KBANK (มี upside 32% จากราคาเป้าหมายที่ 230 บาท), SCC (มี upside 40% จากราคาเป้าหมาย 659 บาท) และADVANC (มี upside 24% จากราคาเป้าหมาย 278 บาท) เพื่อเก็งกำไรการกลับเข้าซื้อของนักลงทุนต่างประเทศและการทำ short covering กลับในวันนี้
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ แม้จะมีปัจจัยลบจากการที่ IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลง แต่เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงปรับตัวขึ้นได้นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจากการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแรงเมื่อคืนนี้ นอกจากนั้นการกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุนต่างประเทศก็คาดว่าจะช่วยหนุนราคาหุ้นขนาดใหญ่พยุงดัชนีไว้ได้ วันนี้เรายังแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรในกลุ่มพลังงาน (TOP PTTGC) ที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น, ธนาคาร (KBANK KTB) ที่ราคาปรับลดลงมาแรงนับจากต้นปีและสะท้อนแนวโน้มผลกำไรที่จะลดลงในไตรมาส 3/58 แล้ว, โรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL CPN MINT) ที่ได้อานิสงค์จากการที่รัฐบาลประกาศเพิ่มวันหยุดในปีหน้าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและงบไตรมาส 3/58 จะออกมาดีตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรในช่วงนี้ควรพิจารณาค่าเงินบาทประกอบไปด้วย หากค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงทะลุ 36.50 บาท/ดอลลาร์ ต้องระมัดระวังแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่อาจกดให้ตลาดกลับมาปรับลดลงได้ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1360-1363และแนวต้านที่ 1375-1380จุด
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha, CFPR, +662 657-9232 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,380.45 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด(+0.71%) มูลค่าการซื้อขาย 20,937.66 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น โดยมีแรงซื้อนำในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก หลังผลการประชุม BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนยังติดตามรายงานผลการประชุมของเฟด (พรุ่งนี้)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย มองเป้าถัดไปที่ 1390 จุด โดยคาดว่าจะยังมีแรงซื้อจากต่างชาติเข้ามาต่อเนื่อง โดยเห็นสัญญาณจากค่าเงินบาทที่แข็งกลับมาต่ำกว่าระดับ 36 บาทต่อดอลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ในตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติก็มียอด Net buy กว่า 3หมื่นสัญญาในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะชี้ชัดว่ามีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาด จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่า SET น่าจะแกว่งขึ้นต่อเนื่องไปจนกว่าจะเห็นการอ่อนค่าลงของค่าเงินบาทอีกครั้ง โดยมองแนวต้านแรกที่ 1390 จุด และถัดไปที่ 1409 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1370 จุด โดยแนะนำให้ถือหุ้นที่เข้าซื้อไว้ต่อไป
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Turnover List Preview (Cash Balance) : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : CPR*, JWD*, NUSA* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
PTT Exploration (PTTEP TB; THB 73.50) - ซื้อ
TTCL (TTCL TB; THB 21.40) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]