WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน



SET บวกต่อได้แต่ก็มีสิทธิผันผวน ดังนั้นน่าถือและรอซื้ออ่อน!

  กลยุทธ์ : คาดว่า SET ยังมีสิทธิแกว่งบวกต่อได้ จึงแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนเช่นเดิม โดยระหว่างทางบวกก็มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวนและอ่อนตัวลงได้ด้วย แต่คาดกรอบปรับตัวยังค่อนข้างจำกัดและลุ้นขึ้นต่อได้อีก ดังนั้นถ้าจะเลือกหุ้นซื้อเพิ่มน่ารอช่วง SET อ่อนตัวก่อนดีกว่า
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : AIT, AMATA, CBG(short)
  แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET รีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องและขยับบวกได้จริงจัง พร้อมมีแรงซื้อหนาแน่นมากขึ้น ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศก็ยังสดใสต่อเนื่อง หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังปิดบวกได้ดีในระดับ 1-3% โดยประมาณ จากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรยังออกมาซบเซากว่าคาด รวมถึงข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของภาคบริการในสหรัฐ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปก็ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็กลับมาขยับบวกได้อีกครั้ง จากตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดเป็นบวกต่อเนื่องในระดับ 1%(+/-) ด้วย ทำให้ FSS คาดหมายว่า SET ยังมีลุ้นโอกาสแกว่งบวกต่อเนื่องขึ้นได้ตามคาด เราจึงยังแนะนำให้เน้นถือหุ้น เพื่อรอโอกาสทำกำไรช่วงตลาดบวกขึ้นต่อได้เช่นเดิม แต่เนื่องจากรอบที่ผ่านมา SET ปรับลงค่อนข้างลึกกว่าคาดพอควร ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกยังกดดันอยู่ ทำให้ SET ยังมีสิทธิแกว่งตัวผันผวนตามทางได้ ดังนั้นถ้าจะเลือกหุ้นซื้อใหม่จึงน่ารอช่วงอ่อนตัวดีกว่า
  แนวรับ 1360-1358 , 1355-1352 จุด
  แนวต้าน 1365-1368 , 1372-1374 , 1377-1380 จุด
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลออกจากภูมิภาคแต่เป็นปริมาณที่น้อยลงคือ US$57 ล้าน เทียบกับการไหลออก US$113 ล้านเมื่อวันศุกร์ โดยไต้หวันยังคงถูกขายหนัก US$78 ล้าน และพลิกกลับมาขายตลาดหุ้นไทย US$6 ล้าน แต่กลับซื้ออินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเป็น US$23 ล้าน และซื้อฟิลิปปินส์และเกาหลีใต้เบาบาง US$2 ล้านและ US$3 ล้าน ตามลำดับ กระแสเงินทุนมีแนวโน้มกลับเข้ามาลงทุนภูมิภาคในระยะสั้นบนความคาดหวังว่า Fed จะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไป

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (0) มาตรการอสังหาฯยังไม่เข้าครม.วันนี้ เพราะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนและไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่มาตรการที่จะเข้าครม.ในช่วง 2 สัปดาห์นี้จะเป็นมาตรการที่จูงใจให้กิจการที่ได้ BOI เร่งการลงทุน
  (-) คาดกำไรกลุ่มธนาคาร 3Q15 ต่ำที่สุดในรอบ 10 ไตรมาส ที่ 4.49 หมื่นล้านบาท ลดลง 12% Q-Q และ 16% Y-Y จากการตั้งสำรองฯโดยเฉพาะจากหนี้ SSI ที่เพิ่มขึ้นใน 3 ธนาคาร (SCB, KTB, TISCO) ซึ่งทำให้คาดว่า NPL Ratio ของทั้งกลุ่มจะเพิ่มขึ้น 0.35% เป็น 3.45% และค่าเผื่อหนี้สูญเพิ่มขึ้น 36% Q-Q ประกอบกับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงตามการปรับลดดอกเบี้ยในปลาย 2Q15 ที่น่าจับตาในไตรมาสนี้คือ NPL และ Coverage ratio ที่จะด้อยลงจนนำไปสู่การ Downgrade และกระทบแนวโน้มกำไร 4Q15 ที่อาจมีค่าเผื่อหนี้สูญก้อนใหญ่อีกครั้ง เราเชื่อว่าหุ้นกลุ่มแบงก์จะพักฐานต่อไป การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้อยู่บนความคาดหวังของเศรษฐกิจในปี 2016 บนความเสี่ยงและความหวังดังกล่าว เราเชื่อว่า KBANK (ราคาเป้าหมายปีหน้า 225 บาท) เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของกลุ่มตอนนี้
  (+) AOT เราเริ่มต้น Coverage อีกครั้งด้วยคำแนะนำ “ถือ” เพราะราคาหุ้นใกล้เต็มมูลค่าปี 2016 ที่ 305 บาท (DCF) แม้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะแข็งแกร่ง และ AOT เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ มีความมั่นคงทางธุรกิจสูงมาก แต่ความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิมีจำกัดที่ 45 ล้านคนต่อปี ซึ่งสนามบินได้ over utilized โดยให้บริการถึง 50.9 และ 46.5 ล้านคนไปตั้งแต่ปี 2013-14 แม้จะมี Terminal 2 ที่สนามบินดอนเมืองและ Terminal ใหม่ที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต แต่ไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มอย่างรวดเร็วได้ ทำให้คาดว่ากำไรปี 2016-18 โตต่ำ เฉลี่ย 7.6% Y-Y ส่วนกำไรปี 2015 ที่คาดโต 35% Y-Y เพราะฐานต่ำในปีก่อน สำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เราแนะนำ CENTEL และ AAV
  (0) ราคาน้ำตาลขึ้นแรง สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับขึ้น 8% อยู่ที่ 13.5 เซนต์ต่อปอนด์ สูงสุดในรอบ 7 เดือน เพราะมีฝนตกในบราซิลซึ่งเป็นช่วงปลายหีบอ้อย ตลาดกังวลว่าผลผลิตอ้อยของบราซิลอาจต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ Petrobas (บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของบราซิล) ขึ้นราคา Gasoline อาจทำให้เกิดแรงจูงใจให้นำอ้อยไปผลิตเป็นเอธานอลมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำตาลก็อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน เรามองว่าราคาน้ำตาลมีโอกาสขึ้นต่อแต่ต้องจับตาดูสถานการณ์ฝนในบราซิล หากฝนหยุดตกเร็ว ราคาน้ำตาลน่าจะปรับลงอีกครั้ง เพราะน้ำตาลยัง oversupply และค่าเงินเรียลอ่อนค่ามาก สำหรับการเก็งกำไร เราแนะนำเพียง KSL (ถูกสุดในกลุ่ม) และ BRR (มีโรงไฟฟ้าช่วยหนุนและ Yield น้ำตาลดีสุดในกลุ่ม)

  (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีกกว่า 300 จุด โดยนักลงทุนยังตอบรับตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวังในทางบวกเนื่องจากอาจทำให้ FED ยังไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
  (+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้แรงเช่นกันจากความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้ที่ลดลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาด
  (+) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้เช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส อย่างไรก็ตามตลาดจับตาดูนโยบายการเงินของธนาคารกลางในภูมิภาค
  (+) ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 36.25-36.35 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดที่ 46.26 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.72 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความพยายามของรัสเซียในการเข้าพูดคุยกับผู้ผลิตน้ำมันในเรื่องภาวะตลาดน้ำมัน รวมถึงราคาน้ำมัน รวมถึงราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น
  ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,137.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ขยับขึ้น 1.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากพุ่งขึ้นแรงในวันก่อนหน้าจากความคาดหวังที่ FED จะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยเป็นปี 2016 หลังตัวเลขการจ้างงานออกมาอ่อนแอ

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1-7 ต.ค. - จีน: ตลาดการเงินปิดทำการ เนื่องในวันชาติ
6-ต.ค. - ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม
7-ต.ค. - ไทย: ORI เริ่มเทรด (ราคา IPO 9 บาท)

- ญี่ปุ่น: ธนาคารกลาง (BOJ) ประชุม
8-10 ต.ค. - ประชุม World Bank-IMF ที่ประเทศเปรู
8-ต.ค. - สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์

- อังกฤษ: ธนาคารกลาง (BOE) ประชุม

- ยูโรโซน: ธนาคารกลาง (ECB) ประชุม
9-ต.ค. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และไต้หวัน ปิดทำการ

- สหรัฐ: รายงาน Fed Minutes ของวันที่ 16-17 ก.ย.
10 ต.ค. - จีน: ยอดสินเชื่อเดือน ก.ย.
12 ต.ต. - ไทย: TISCO ประกาศผลประกอบการ 3Q15

- สหรัฐ: ตลาดการเงินปิดทำการ เนื่องในวัน Columbus Day
13-ต.ค. - ไทย: SCI เริ่มเทรด (ราคา IPO 5.90 บาท)

- จีน: ดุลการค้า (ก.ย.)

- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ต.ค.)

Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!