- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 October 2015 17:20
- Hits: 1234
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +200.36, NASDAQ +80.69, S&P +27.54, FTSE +57.51, CAC +32.34 และ DAX +43.82 หลังสหรัฐฯ เปิดเผย (1) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน - สค. ลดลง 1.7% โดยเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 8 เดือน และ (2) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร – กย. เพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่ง (ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง) ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หรือนับแต่เมย.’51 ทำให้คาดว่ามีความเป็นไปได้น้อยลงที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ จากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายระบุมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น กระตุ้นแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและวัสดุฯ
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. +US$0.80 อยู่ที่ US$45.54 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน สู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ส่งสัญญาณปริมาณผลผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ มีแนวโน้ม
ลดลง
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$22.9 อยู่ที่ US$1,136.6 ต่อออนซ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจข้างต้น ส่งผลให้เงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงโลหะมีค่า เช่น ทอง เป็นต้น
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +115 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -107,230 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้น ภายใต้การคาดการณ์ว่าเฟดยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ (เฟดเหลือการประชุม 2 ครั้งในปีนี้ วันที่ 27 – 28/10/58 และ 15 – 16/12/58) หลังตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการจ้างงานที่ยังไม่
แข็งแกร่งเพียงพอ ทำให้ตลาดต่างประเทศเคลื่อนไหวในแดนบวก
.....ขณะที่คาดยังมีปัจจัยกดดันจากประเด็นเดิม ภายใต้ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ที่คาดอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีน จากก่อนหน้าที่มีความพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการผ่อนคลาย ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ
.....ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังมีความคาดหวังในเชิงบวกหลังจากนี้ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่มีต่อเนื่อง โดยเฉพาะ (1) มาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดมีความชัดเจนในสัปดาห์นี้ คาดเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ (2) การเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ที่คาดยังส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทางด้าน Fund Flow ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องแต่มูลค่าเพียงเล็กน้อย และ YTD ยอดขายสุทธิสะสมยังสูงกว่า 107,000 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า คาดน่าจะยังมีผลต่อการไหลกลับเข้ามาของ Fund Flow?
....โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น ITD, STEC, TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 36.45 – 36.47 และมีทิศทางอ่อนค่าลง (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO และ VNG เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (CENTEL) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, BA) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มทรงตัว และคาดดีขึ้น โดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58 และ (6) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) หลัง กสทช. จะเปิดประมูลใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 1,800 MHz และ 900 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) ในวันที่ 11/11/58 และ15/12/58 ตามลำดับ
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.05 อยู่ที่ 1.99% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.61 อยู่ที่ 20.94
หุ้นแนะนำ : CENTEL
5/10/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ - กย.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788