- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 October 2015 17:07
- Hits: 817
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Test 1355
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX แกว่งในกรอบแคบแบบอ่อนแรง นอกจากเป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์แล้ว ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP อีก 2 ตลาดปรับฐานลง ยิ่งทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน สะท้อนได้จากมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 23,570 ล้านบาท ส่วน SET INDEX ปิดที่ 1,346.35 จุด บวก 1.20 จุด
เงินทุนต่างชาติยังคงน่าสนใจ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เล็กน้อย 115 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 อีก 5,986 สัญญา แค่ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เล็กน้อ 14 ล้านบาทเท่านั้น
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ตลาดหุ้นจีน ปิดทำการระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. เนื่องในวันชาติจีน
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด
ติดตามการตัดสินใจประธาน กรธ. และคณะ รวมทั้งสิ้น 21 ท่าน
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 4 คงภาพ SET INDEX แกว่งกรอบแคบระหว่าง 1,340-1,355 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง ต่อเนื่อง แม้ว่า DJIA จะปิดบวกกว่า 200 จุด ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ยิ่งทำให้โอกาสที่จะเฟดจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ มีแรงกดดันมากยิ่งขึ้น รวมถึงกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ จะป้องกันการปิดหน่วยงานราชการ (Government Shutdown) มีผลถึงวันที่ 11 ธ.ค. เท่านั้น ส่งผลให้ตลาดจึงประเมินว่าเฟดน่าจะเลือกขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2559 มากกว่าปีนี้ แต่ด้วยความไม่แน่นอน ประธานเฟดสาขาต่างๆ ยังคงให้น้ำหนักกับการขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ เช่นเดียวกับประธานเฟด Janet Yellen ทำให้ตลาดเกิดความลังเล และชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภท
สำหรับภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็เช่นกัน มูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศชะลอตัวมากยิ่งขึ้น ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจเริ่มไม่ต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะเงื่อนไขของขั้นตอน และการทำงาน แต่นักลงทุนภายในประเทศยังคงมีความหวังเป็นกลางถึงบวกเล็กน้อยต่อทำงานของรัฐบาล และทีมเศรษฐกิจ จึงเลือกที่จะ Wait&See มากกว่าจะลดน้ำหนักการลงทุน
เมื่อภาวะการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเป็นกลาง ขาดความโดดเด่น หุ้นขนาดกลางที่มีความเด่นเฉพาะตัว ทั้งในแง่ของสตอรี่ / valuation / แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 2H58 กลางเป็นทางเลือกของการลงทุนในช่วงนี้ หุ้นขนาดใหญ่จะทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบ
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายที่เบาบางไม่ถึง 3.0 หมื่นล้านบาท/วัน ย่อมทำให้ SET INDEX มีความผันผวนที่มากขึ้น หรือ อาจเป็นการเลือกซึมตัวลงไปทดสอบและปิดแก๊ปบริเวณ 1,330-1,335 จุด ทั้งๆ ที่ไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามาในช่วงนี้ก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนวันนี้อาจเลือกเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงิน พร้อมกับกำหนดจุด Cut loss ของหุ้นที่เลือกเก็งกำไร โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง" เพื่อเกาะกระแสกับมาตรการกระตุ้นและการทำงานของรัฐบาล
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: IRPC / QH
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. IRPC : ราคาปิด 3.86 บาท ราคาเหมาะสม 4.20 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะตอบรับเชิงบวก จาก Dollar Index ที่มีทิศทางอ่อนค่าลง หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ก.ย.ออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลให้เฟดมีโอกาสเลื่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็นปีหน้า และเป็นบวกโดยตรงต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
b) คาดราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ US$50.00/barrel ใน 4Q58 จากเหตุการณ์ตึงเครียดในซีเรีย และผลบวกตามฤดูกาลจากการเข้าสู่ฤดูหนาว
c) แม้ผลประกอบการ 3Q58 จะถูกกดดันจากผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน แต่เชื่อว่า IRPC จะยังเด่นกว่าหุ้นอื่นๆในกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษเงินประกันรับคืนจากเหตุไฟไหม้ เข้ามาช่วยหักล้างผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง
d) ขณะที่ผลประกอบการ 4Q58 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวเด่น qoq จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากเข้าสู่ High Season ของฤดูหนาวซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานสูง จึงคาดว่าหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจะกลับมาบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันใน 4Q58
e) คาดผลประกอบการปี 2558 พลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 6,556 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 9,374 ล้านบาท ในปี 2557 และเติบโต +23% qoq เป็น 8,078 ล้านบาท จากแรงหนุนของโครงการ Phoenix ที่จะเริ่ม CDO ในช่วงปลายปี 2558
f) Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 7.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มพลังงานที่ 12.5เท่า
2. QH : ราคาปิด 2.46 บาท ราคาเหมาะสม 3.22 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะ Outperform ตลาดได้ในสัปดาห์นี้ จากแรงเก็งกำไรการออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดว่าจะเสนอให้ครม.พิจารณาในวันอังคารนี้ (6 ต.ค.)
b) ราคาหุ้น Laggard และปรับตัวลงมาก YTD โดย QH -33% เทียบกับหุ้นในกลุ่ม เช่น LH -11.7%, LPN -21%, AP -6% และ SIRI +2%
c) Downside Risk ของราคาหุ้นจำกัด เนื่องจาก NAV จากการถือหุ้นใน LHBANK, HMPRO, QHPF และ QHHR คิดเป็นหุ้นละ 2.22 บาท
d) และซื้อขายระดับ PER 2559 เพียง 7.9 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 5.7%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง US$32 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$198 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันที่ 2 เป็นอย่างเบาบาง
นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 115 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 313 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 16,256 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาท เป็น 107,230 ล้านบาท
ส่วน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 5,986 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิ 20,532 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 10,418 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ทั้งหมด และกลับมาถือสถานะ Long ขยับขึ้นเป็น 10,114 สัญญา เมื่อ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็น 11.59 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 15.03 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเป็น 53,663 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิ 14 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันที่ 3 เล็กน้อย 0.10bps จากวันก่อนหน้าลดลง 3.62bps ปิดที่ 2.766%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ชะลอเหลือ 955 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,058 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 8 เน้นขาย KBANK ต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อย เป็น 515 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 430 ล้านบาท รวม 8 วันทำการขายสุทธิเป็น 5,914 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,262 ล้านบาท สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารกลับมาถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 330 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 144 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 80 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 239 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มอาหารถูกซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 35 ล้านบาทเท่านั้น
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด
ยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.42 แสนตำแหน่ง แย่กว่า Bloomberg consensus คาด 2.03 แสนตำแหน่ง แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 1.36 แสนตำแหน่ง
การจ้างงานภาคเอกชน เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.18 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 1.95 แสนตำแหน่ง แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 1.00 แสนตำแหน่ง
อัตราการว่างงานเดือนก.ย. ทรงตัวที่ 5.1% เช่นเดียวกับเดือนก่อนหน้า และ Bloomberg consensus
คำสั่งซื้อโรงงาน เดือนส.ค. หดตัว 1.7% mom แย่กว่า Bloomberg consensus คาดที่ -1.3% mom และสวนทางกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.2% mom โดยคำสั่งซื้อสินค้าไม่คงทน ลดลง 1.1% mom จากราคาสินค้าปิโตรเลียม และ ถ่านหิน ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลง 2.3% mom
ยุโรป
การเลือกตั้งโปรตุเกส พรรครัฐบาลเดิมครองเสียงข้างมากอีกครั้ง: พรรคของนายกฯ Coelho ได้ที่นั่ง 95 จาก 230 ที่ทั้งหมด โดย16 ที่นั่งยังคงอยู่ระหว่างการนับคะแนน
IMFเสนอให้ยูเครนออกขายพันธบัตรสกุลเงินยูโร: หลังเศรษฐกิจยูเครนในปีนี้คาดว่าจะหดตัว 11% ในปีนี้ แย่กว่าที่เคยประเมินกันไว้ก่อน ดังนั้น IMF เสนอให้ยูเครนออกขายพันธบัตรสกุลเงินยูโร เพื่อนำไปแลกกับหนี้ที่ยูเครนมีอยู่
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ซาอุฯ ลดราคาขายน้ำมันให้เอเชียและสหรัฐฯ: ราคาขายเดือนพ.ย. ให้ส่วนลด US$3.20/barrel จากราคากลาง เทียบกับเดือนต.ค.ที่กำหนดส่วนลด US$1.30/barrel ทั้งนี้การให้ส่วนลดกับน้ำมันเกรดปานกลางของเอเชีย ถือเป็นการให้ส่วนลดที่มากสุดนับตั้งแต่เริ่มแนวคิดส่วนลดเดือนก.พ. 2555
ไทย
เตรียมชงแพ็คเกจอสังหาฯ ยืดเวลาผ่อนสูงสุด 40 ปี: แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันพรุ่งนี้ (6 ต.ค.) ถือเป็นมาตรการ ส่งเสริมผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเป็นมาตรการระยะสั้นในช่วง 6 เดือน สิ้นสุด ในวันที่ 31 มี.ค. 2559 ประกอบด้วย มาตรการทางด้านสินเชื่อ ผ่าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท และให้ทางกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนองลงให้อยู่ในระดับ 0.01% ของราคาประเมิน จากเดิมมีค่าธรรมเนียม การโอนอยู่ที่ระดับ 2% และค่าจดจำนองอยู่ที่ระดับ 1% ของราคาประเมิน สำหรับมาตรการของ ธอส. จะมีผ่อนปรนเกณฑ์พิจารณาเงินกู้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้มากขึ้น ประกอบด้วย การขยายระยะเวลาการผ่อนชำระออกไปอีก 5-10 ปี จากเดิมที่มีระยะเวลาการปล่อยกู้สูงสุดไว้ที่ 30 ปี อาจจะ เพิ่มเป็น 35-40 ปี ทำให้วงเงินการผ่อนชำระต่องวด อยู่ในระดับที่ต่ำลง การกำหนดสัดส่วนรายได้ที่ นำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณเงินผ่อนชำระต่องวด จาก 30% เป็น 50% ของรายได้
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530