- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 02 October 2015 16:35
- Hits: 1263
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : เคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือ 1340
SET Index : 1345.40 เคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือระดับ 1340 จุด ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายต่ำกว่าระดับ 10,000 ล้านบาท หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดระดับ 1350 จุดลงไป แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง จึงทาให้การปรับตัวลดลงน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด ซึ่งเราแนะนำให้เข้าซื้อหุ้นเมื่อต่ำกว่าระดับ 1340 จุดลงไป และมีแนวต้านในระยะสั้นที่ 1360 จุด ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นจังหวะซื้อเพิ่ม และมีแนวต้านถัดไปที่ 1380 จุด
แนวต้าน : 1350 และ 1355
แนวรับ : 1344 และ 1340
ADVANC = 225 / 227, KBANK = 168 / 170, JWD = 13.20 / 13.40, PTTGC = 52.00 / 53.00, CPALL = 49.50 / 50.00
Eureka Design (UREKA TB; THB 1.17) - ซื้อ
แนวต้าน : 1.29 และ 1.34
แนวรับ : 1.17 และ 1.15
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไร แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 60
แนะนำซื้อ UREKA โดยมีแนวรับที่ 1.17 และ 1.15 และมีแนวต้านที่ 1.29 และ 1.340 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.14 ลงไป
Khon Kaen Sugar Industry (KSL TB; THB 3.80) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.96 และ 4.00
แนวรับ : 3.80 และ 3.76
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง หลังจากทะลุผ่านแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ KSL โดยมีแนวรับที่ 3.80 และ 3.76 และมีแนวต้านที่ 3.96 และ 4.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.70 ลงไป
SET50 Index Futures
S50U15 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวรับสำคัญ 850-852 และเริ่มมีสัญญาณสร้างฐานเหนือระดับ 850 ได้ต่อเนื่อง ในขณะที่แนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงในระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ 854 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อทางเทคนิค และมีแนวต้านถัดไปที่ 860 -862
แนวต้าน : 854 และ 860
แนวรับ : 852 และ 850
คำแนะนำ : เราแนะนำให้ Open Long ที่แนวรับ 852 หรือเมื่อทะลุผ่าน 854 ขึ้นไปได้ และมีแนวต้านถัดไปที่ 860 เป็นจุดขายทำกำไรในระยะสั้น
STOP LOSS สถานะ Long ถ้าปิดต่ำกว่า 850 หรือหลุด 845 ลงไประหว่างวัน
KTBZ15
เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่ำกว่าระดับ 17.00 แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง จึงทำให้การปรับตัวลดลงน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด และโครงสร้างในระยะยาวมีแนวรับสำคัญที่ 16.80 จึงทำให้การปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับที่ 16.90-16.94 มีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้นไปทดสอบแนวต้านที่ 17.40-17.50
แนวต้าน : 17.08 และ 17.18
แนวรับ : 16.94 และ 16.90
คำแนะนำ : เราแนะนำให้ Open Long ใน KTBZ15 ที่แนวรับ 16.90 เนื่องจากความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงค่อนข้างจำกัด และมีแนวต้านที่ 17.18 และ 17.40
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า KTBZ15 ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 16.70 ลงไป
ITDZ15
ปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับสำคัญที่บริเวณ 8.00 แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง แต่เริ่มปรับตัวลดลงหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 ชั่วโมงลงไป และมีแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 8.10 ในขณะที่จุดต่ำสุดในระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ 7.92 ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 7.60
แนวต้าน : 8.07 และ 8.10
แนวรับ : 8.00 และ 7.92
คำแนะนำ : เราแนะนำให้ Open Short ใน ITDZ15 ที่บริเวณแนวต้าน 8.02-8.05 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบ 7.70 และ 7.65
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า ITDZ15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือ 8.10 ขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET… ดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ปิด Q3 แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2011
ดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลกปิดวันสุดท้ายของ Q3/15 ปรากฏว่าแย่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 จากแรงกดของการลดค่าเงินหยวนและความกังวลของการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จากรูปด้านซ้าย เราแสดงการเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลกนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) พบว่ามีเพียง 2 ตลาดเท่านั้นที่ยืนในแดนบวกได้ คือ ตลาดหุ้นฮังการีและรัสเชีย โดยดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ (MSCI EM) ปรับตัวลงไปเกือบ 19% ส่วนตลาดหุ้นในอาเซียนอย่างตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปแล้วทั้งสิ้น 20.8% ขณะที่มาเลเชีย อินโดนีเชีย ปรับตัวลง 29.2 และ 35.6% ส่วนฟิลลิปปินส์ปรับตัวลงน้อยสุดที่ 8.7%
หากเปรียบเทียบอัตราการลงของสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลกระหว่าง Q3/15 และ ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน(YTD) จากรูปด้านขวา พบว่าส่วนใหญ่ราคาสินทรัพย์ต่างๆจะปรับตัวลงแรงใน Q3/15 สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในเชิงบวกใน Q3/15 จะมีแค่ 2 ประเภท คือ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ และพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐ อิตาลีและเยอรมัน นอกนั้นติดลบหมด นำโดย ตลาดหุ้นจีน ราคาน้ำมัน ตลาดหุ้นเกิดใหม่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว สรุปปิดสิ้นสุดในปลาย Q3/15 ดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวลงไป 20% ส่วนตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว 10% และตลาดหุ้นจีน 30% ซึ่งน่าจะเพียงพอจนทำให้เกิดการรีบาวน์กลับช่วงสั้นๆในเดือน ต.ค.
หากรูปแบบของการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐย้อนรอยปี 1998 หรือ 2011 เราก็จะเห็นการค่อยๆ ดีดตัวกลับของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐรวมไปถึงตลาดหุ้นทั่วโลก แต่จะมากหรือน้อยคงต้องพิจารณาพื้นฐานของแต่ละตลาด โดยฝ่ายที่มองว่าดัชนีน่าจะเริ่มดีดตัวกลับมาจากมองว่า ตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและตลาดอยู่ในภาวะขายมากเกินไป จึงมีแรงซื้อเข้า โดยเฉพาะหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มของการขึ้นดอกเบี้ย อย่างสถาบันการเงิน โดยประเด็นที่ต้องติดตาม คือการประกาศงบ Q3/15 ของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐซึ่งคาดว่าจะทยอยประกาศในอาทิตย์หน้า แม้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐจะดีดตัวได้ในช่วงต้นเดือน ต.ค. แต่คาดว่าดัชนียังต้องเผชิญกับความผันผวนที่เกิดจากผลดำเนินงาน Q3 และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ทิศทางดัชนี SET ในเดือนนี้คาดจะยังผันผวนตามดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่จะไม่รุนแรงเหมือนช่วงเดือน ส.ค. และ ก.ย. เนื่องจากรับข่าวการชะลอตัวของจีนและการที่ดัชนีผลตอบแทนรายเดือนของดัชนี SET ติดลบติดต่อกัน 3 เดือนเต็ม จึงมองว่าน่าจะดีดตัวขึ้นได้ในเดือน ต.ค. จากสถิติรอบ 10 ปีผลตอบแทนรายเดือนของดัชนี SET ติดลบมากที่สุดที่ 4 เดือนในปี 2008 และติดลบ 3 เดือนในปี 2013 ส่วนทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์หน้าคาดดัชนีจะค่อยๆดีดตัวขึ้นกลับตามดัชนีตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยจะเริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ Q3 ของหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นอสังหาริมทรัพย์ จากมาตรการกระตุ้นแรงซื้อภาคอสังหาริมทรัพย์ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1335-1340 และแนวต้านที่ 1350-1355 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET Index: ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,345.40 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด (+0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 9,665.26 ล้านบาท ตลาดหุ้นซึม ซึ่งเป็นไปในทิศทางภูมิภาค นักลงทุนรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐในคืนนี้ ขณะที่ในประเทศรอมาตรการกระตุ้นศก.ของรัฐบาล และจับตาการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/58 นำโดยกลุ่มแบงก์ อาจเห็นการปรับเป้า SET Index อีกครั้ง ให้แนวรับ 1,328 จุด แนวต้าน 1,362 จุด
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย เราคาดว่าตลาดจะยังคงซบเซาเพราะขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่อยู่ที่ 9,665 ล้านบาท ต่ำกว่าระดับปกติที่ครึ่งวันเช้าจะอยู่ที่ 1-2 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นเราจะเห็นได้ว่าลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นส่วนใหญ่จะอยู่ในกรอบแคบมาก (ปรับขึ้นมามีกำไรเล็กน้อยก็รีบขายทำกำไร) โดยเป็นการเลือกลงทุนในหุ้นที่ 1) ปรับลดลงมาแรงก่อนหน้านี้ (KBANK) 2) หุ้นที่มีความปลอดภัยในแง่ของผลการดำเนินงาน (CPALL BH AOT) เมื่อพิจารณาค่าเงินบาทที่ล่าสุดทะลุระดับ 36.50 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 36.61 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 6 ปี 7 เดือนและเป็นการอ่อนค่าลงกว่า 11.3% นับจากต้นปี ก็ยิ่งเป็นปัจจัยหนุนแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่มีการขายสุทธิมากว่า 107,344 ล้านบาทนับจากต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่าตลาดหุ้นจะยังไม่สามารถปรับขึ้นไปไหนได้ไกล ตราบใดที่นักลงทุนต่างประเทศยังขายสุทธิ18.10และเงินบาทยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่องอยู่ ในช่วงบ่ายเราแนะนำทยอยสะสม หุ้นที่มีความปลอดภัยต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่าง AOT BDMS CPALL SCC และหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงอย่าง INTUCH BTSGIF DIF JASIF
Fundamental Picks & Technic (PM)...
Eureka Design (UREKA TB; THB 1.17) - ซื้อ
Khon Kaen Sugar Industry (KSL TB; THB 3.80) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]