- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 01 October 2015 17:12
- Hits: 1624
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Rebound
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวได้เล็กน้อย สอดคล้องกับภาพรวมของตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงผลของการทำ Window Dressing ปิดงวด 3Q58 ทำให้หุ้นหลัก กลุ่มพลังงาน / ICT / ธนาคาร / SCC ฟื้นตัว ผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นไปทดสอบ 1,355 จุด +/- แต่กลับมีแรงขายในช่วงท้ายเข้ามามากขึ้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,349.00 จุด บวก 0.16 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,499 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติยังคงลดน้ำหนักการลงทุนในไทยต่อเนื่อง ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 ลดลงเป็น 1,210 ล้านบาท ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 ชะลอตัวเหลือ 427 ล้านบาท และคงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 6,806 สัญญา คาดเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.ของไทย Bloomberg consensus คาด -1.09% yoy
มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางสะท้อนถึงระดับความเชื่อมั่น และความผันผวนของตลาดที่กลับมาอยู่ในระดับสูงอีกครั้ง
วันนี้ รฟท.ประกาศขายซองประมูลโครงการรถไฟรางคู่ เส้นทางจิระ - ขอนแก่น คาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเด่น
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดทำการวันนี้ ทั้งนี้ตลาดหุ้นจีนปิดทำการระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. เนื่องในวันชาติจีน
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 3 ด้วยภาพ SET INDEX แกว่งในกรอบระหว่าง 1,340-1,355 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เช่นเดียวกับวานนี้ เพราะ ณ ปัจจุบัน ภาวะการลงทุนที่ไร้ปัจจัยใหม่เข้ากำหนดทิศทางการลงทุน นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างชะลอการลงทุนและ Wait&See จนกว่าจะเห็นภาพที่ทิศทางที่ชัดเจนมากกว่านี้
สำหรับประมาณการกำไรสุทธิของ KBANK ใน 3Q58 จะหดตัวราว 16-18% qoq จากระดับ NPLs / ต้นทุนต่อรายได้ / การตั้งสำรอง ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิใน 3Q58 คาดว่าจะทำได้ 1 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับที่ตลาดเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการปีนี้ลง ขณะที่ราคาหุ้น KBANK ปรับตัวลงแรงสุดในกลุ่มธนาคาร 2.29% วานนี้ น่าจะสะท้อนผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงไปมากแล้ว เราเชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้นในช่วงสั้นๆ นี้ เพื่อรอดูผลการดำเนินงานที่จะทยอยประกาศในช่วงกลางเดือนต.ค.เป็นต้นไป
ส่วนกรณีการฟ้อง ADVANC ของ TOT ต่อกรณีการแก้ไขสัญญาแนบท้ายที่มิชอบด้วยกฎหมาย ADVANC ยืนยันพร้อมที่จะชี้แจงข้อกฎหมายต่างๆ ถึงขั้นตอนการทำสัญญาแนบท้าย และได้นำข้อพิพาทกรณีดังกล่าวที่เข้าสู่ขบวนการอนุญาโตตุลาการแล้วเช่นกัน อีกทั้งสัญญาแทบท้ายดังกล่าวมีผลผูกพันมาโดยตลอด แต่ไม่มีการโต้แย้งหรือระงับใดๆ จนกระทั้งสัมปทานได้หมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2558 อาจทำให้น้ำหนักการเรียกร้องความเสียหายย้อนหลังที่ TOT อ้างถึงกว่า 7.0 หมื่นล้านบาท ด้อยลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว อาจส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาการลงทุนใน ADVANC และ INTUCH ทำให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มแกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอความชัดเจนในกรณีดังกล่าว
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศในช่วงนี้ขาดน้ำหนักที่น่าสนใจ ประเด็นของ Glencore สงบลง ราคาหุ้นฟื้นตัวมาตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา ภาวะการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกกลับสู่ระดับปกติ ทั้งนี้ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หากสามารถทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบเช่นเดียวกับวานนี้ เชื่อว่าแรงขายจากต่างชาติจะเบาบางมากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนยังคงใช้กลยุทธ์ Trading ในกรอบราคาของหุ้นเป้าหมายเป็นสำคัญ หรือ ขึ้นแรงขาย / ลงแรงซื้อ" ไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าทิศทาง SET INDEX จะมีความชัดเจน
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: GOLD / TVT
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. TVT : ราคาปิด 2.14 บาท ราคาเหมาะสม 3.00 บาท
a) TVT ได้ประโยชน์โดยตรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม Digital TV เนื่องจากเป็นผู้รับผลิตรายการอิสระให้กับหลายช่องสถานี Digital TV ดังนั้น จึงคาดว่ารายได้จากการรับจ้างผลิตรายการจะมีทิศทางเติบโตได้อีกมากใน 3-5 ปีข้างหน้า
b) คาดผลประกอบการ 3Q58 เติบโต +37.3% qoq เป็น 15 ล้านบาท สวนทางหุ้นในกลุ่มสื่อที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จากรายได้รับจ้างผลิตรายการที่เติบโต +163% qoq เป็น 45 ล้านบาท จากการเริ่มออกอากาศของรายการใหม่คือ The Price is right ผ่านช่อง TRUE4U
c) ขณะที่รายการเดิมซึ่งส่วนใหญ่ออกอากาศในช่อง 3 เช่น Master Key, Take me out, Dance Your Fat Off ยังได้รับความนิยมสูงมาก และคาดว่าจะมี Utilization Rate ที่เฉลี่ย 93% ใกล้เคียงกับ 2Q58
d) ทิศทางผลประกอบการ 4Q58 จะเติบโตสูง yoy และ qoq เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากการผลิตรายการละครจำนวน 2 เรื่อง และส่งผลให้กำไรสุทธิ 4Q58 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี
e) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +77.8% yoy เป็น 61 ล้านบาท และต่อเนื่อง +26.5% yoy เป็น 77 ล้านบาท ในปี 2559 และมี Upside Risk จากการ M&A ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรายการซึ่งยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา
2. GOLD : ราคาปิด 5.75 บาท ราคาเหมาะสม 10.40 บาท
a) ราคาหุ้นยัง Laggard เมื่อเทียบกับการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยหุ้น GOLD -1.8% เทียบกับหุ้นในกลุ่ม เช่น ANAN +20.5%, LH +3.3%, LPN +8.9%, PS +12.8%, SIRI +7.6% และ SPALI +8.9%
b) คาดหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะ Outperform ตลาดในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า จากแรงเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าอาจส่งเรื่องให้ครม.พิจารณาในวันที่ 6 ต.ค.
c) ทิศทางผลประกอบการ 3Q58 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต qoq และ yoy จากการรวมงบของ KLAND เข้าสู่งบการเงินรวมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินอีกราว 10 ล้านบาทเข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการ
d) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +26.7% yoy เป็น 386 ล้านบาท และ +41.3% yoy เป็น 545 ล้านบาท ในปี 2559 ขณะที่การจัดตั้งกอง REIT มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรพิเศษราว 2,000 ล้านบาท เป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ US$111 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$129 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 แต่ชะลอตัวลงมาเป็น 1,210 ล้านบาท รวม 6 วันทำการขายสุทธิ 16,256 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ทะลุ 1.0 แสนล้านบาท เร่งขึ้นเป็น 107,542 ล้านบาท
ส่วน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 6,806 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 13,471 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 10,418 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ทั้งหมด เมื่อ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันที่ 3 เป็น 14.41 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 14.94 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 60,724 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 4 ลดลงเหลือ 427 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 6,855 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,008 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยเริ่มฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 3.10bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.42bps ปิดที่ 2.803%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เป็น 1,034 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,489 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 6 ลดน้ำหนักในกลุ่มปิโตรเคมีและ ICT
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิชะลอตัวเหลือ 574 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 1,346 ล้านบาท รวม 6 วันทำการขายสุทธิเป็น 4,969 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,262 ล้านบาท โดยเน้นการลดน้ำหนักในกลุ่มปิโตรเคมีและ ICT สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มปิโตรเคมี กลับมาถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 166 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 153 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 561 ล้านบาท และกลุ่มโรงพยาบาล ขายสุทธิ 106 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างถูกซื้อสุทธิสุงสุด 178 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 66 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 338 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
สภาผ่านร่างกฎหมายค่าใช้จ่ายทันเวลา: สภาล่างผ่านด้วยเสียง 277-151 เสียง หลังวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายนี้ไปก่อนหน้า ส่งผลให้หน่วยงานราชการไม่เผชิญกับความเสี่ยงที่จะปิดการให้บริการลง (Government Shutdown) ในวันที่ 1 ต.ค. อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวเป็นการผ่านงบประมาณชั่วคราวจนถึงวันที่ 11 ธ.ค. เท่านั้น สร้างความเสี่ยงต่อโครงการ Planned Parenthood, โครงการสุขภาพของผู้หญิง แต่ก่อนจะไปถึงประเด็นเหล่านี้ สภาคองเกรสจะต้องพิจารณาขยายเพดานก่อหนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
การจ้างงานภาคเอกชน เดือนก.ย. เท่ากับ 2.0 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 1.9 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.86 แสนตำแหน่ง
ดัชนี PMI ชิคาโก เดือนก.ย. เท่ากับ 48.7 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 53.6 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 54.4 จุด
ยุโรป
ดัชนีราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้น: เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.8% yoy เร่งตัวจากเดือนส.ค.ที่ +3.2% yoy ส่วนหากเทียบกับเดือนก่อนหน้าราคาบ้าน เพิ่มขึ้น 0.5% mom เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากกิจกรรมก่อสร้างที่ขาดช่วง สร้างแรงกดดันต่อราคาบ้านให้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และจนสุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ซื้อบ้าน
อัตราการว่างงานเยอรมัน เพิ่มขึ้นสวนทางกับที่คาด: การว่างงานเพิ่มขึ้น 2.0 พันตำแหน่ง เป็น 2.795 ล้านตำแหน่ง ในเดือนก.ย. ขณะที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 5.0 พันตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานทรงตัวที่ 6.4% เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การรวมประเทศของเยอรมัน
อัตราเงินเฟ้อในอียูกลับมาเป็นลบ: รายงาน -0.1% yoy เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ขณะที่ Bloomberg consensus คาด 0.0% yoy เป็นผลจากราคาพลังงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและในอัตราเร่ง
จีน
จีนลดเงินดาว์นซื้อบ้านหลังแรกลง: ธนาคารกลางจีนประกาศลดเงินดาว์นขั้นต่ำของการเข้าซื้อบ้านหลังแรกใน 5 ปี จาก 30% เป็น 25% เฉพาะในเมืองที่ไม่มีข้อจำกัดการซื้ออสังหาฯ ถือเป็นการปรับลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2553 ที่ปรับอัตราส่วนดังกล่าวขยับขึ้นจาก 20% เพื่อควบคุมความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯ
ดัชนี PMI ภาคการผลิตดีกว่าคาดเล็กน้อย: อยู่ที่ระดับ 49.8 จุดในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ระดับ 49.7 จุดและดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดเท่ากับเดือนก่อน อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 จุด สะท้อนถึงภาคการผลิตที่ยังอ่อนแอ
เอเชียแปซิฟิก
ดัชนี Tankan Large Manufacturing ของญี่ปุ่นลดลง: อยู่ที่ 12 ใน 3Q58 จากไตรมาสก่อนที่ระดับ 15 และต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดที่ 13 นอกจากนี้ทิศทางต่อดัชนีดังกล่าวในอนาคตมีแนวโน้มลดลงอยู่ที่ระดับ 10
ยอดส่งออกเกาหลีใต้หดตัวน้อยกว่าคาด: หดตัว 8.3% yoy สำหรับเดือน ก.ย. หดตัวต่อจากเดือนก่อนที่ -14.9% yoy แต่ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด -11.8% yoy ด้านยอดนำเข้าหดตัว 21.8% yoy ทำให้ดุลการค้าเกินดุลอยู่ที่ระดับ US8.94 พันล้าน
ไทย
ดัชนีผลผลิตภาคอุตฯ ติดลบต่อเนื่อง: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ส.ค.58 อยู่ที่ 155.38 ติดลบ 8.3% yoy ด้านอัตราการใช้กำลังผลิตเดือน ส.ค.58 อยู่ที่ 57.77% ลดลงจาก 60.38% ของช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลงจาก 58.67% ในก.ค.58 ขณะที่ 8 เดือน ดัชนี MPI ติดลบ 4.5% ใกล้เคียงช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ติดลบ 4.6%
ธปท.รายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค.โดยรวมยังอ่อนแอ: อุปสงค์จากจีนและอาเซียนที่ชะลอตัว ทำให้ภาคส่งออกหดตัวแรงขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวในอัตราที่ต่ำลงจากเหตุการณ์ระเบิด ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมครัวเรือนยังระมัดระวังในการใช้จ่าย สำหรับภาครัฐยังใช้จ่ายได้ต่อเนื่องแม้จะลดลงบ้างหลังจากเร่งไปในช่วงก่อน
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจทรงตัวอยู่ที่ 46.4 จุด เท่ากับเดือน ก.ค. ทั้งนี้ความต้องการจากในประเทศที่ต่ำ เป็นปัจจัยกดดันสำคัญทำให้สัดส่วนการลงทุนชะลอลงต่อเนื่อง ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนอยู่ที่ 52.1 จากการสำรวจในเดือนก่อนที่ 49.9
ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ส.ค.เกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ที่ US$2.65 พันล้าน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ US$2.16 พันล้าน และดีกว่าที่ตลาดคาดที่ US$1.50 พันล้าน
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530