- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 September 2015 17:53
- Hits: 1417
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
SET Index : Sideways
SET Index : 1348.84 ดัชนีเมื่อวานนี้เปิดดิ่งลง ตามทิศทางของตลาดต่างประเทศทั่วโลก SET แกว่งในกรอบ 1340-1360 จุด โดยช่วงเช้าปรับลงมาต่ำสุดบริเวณ 1342 จุด และฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงบ่าย ขณะที่มีแรงขายช่วงท้ายตลาด หลังจากดัชนีไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1360 จุด วันนี้คาดว่า SET ยังแกว่งในกรอบ 1340-1360 จุด
แนวต้าน : 1360 และ 1380
แนวรับ : 1340 และ 1320
JAS = 5.30 / 5.70, CPF = 20.00 / 21.20, PTT = 240 / 245, CPALL = 46.75 / 48.25, SCC = 454 / 470
Chiangmai Frozen Foods (CM TB; THB 3.82) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.90 และ 4.00
แนวรับ : 3.80 และ 3.76
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น คาดราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากยังยืนเหนือ 3.80 บาท
RSI ปรับตัวขึ้นทดสอบเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ CM โดยมีแนวรับที่ 3.80 และ 3.76 และมีแนวต้านที่ 3.90 และ 4.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.76 ลงไป
Siam United Services (SUSCO TB; THB 3.12) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.20 และ 3.26
แนวรับ : 3.08 และ 3.06
ราคาหุ้นปรับขึ้น หลังปรับฐานบริเวณ 3.06 บาท ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิม หากทะลุผ่าน 3.14 บาท
MACD มีแนวโน้มปรับขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก
แนะนำซื้อ SUSCO โดยมีแนวรับที่ 3.08 และ 3.06 และมีแนวต้านที่ 3.20 และ 3.26 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.78 ลงไป
Analysts :
Pornvilai Santusatharom +662 657-9230 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Themes
Sector : Hospital
กลุ่มโรงพยาบาล (+)
หลังจากที่ราคาหุ้นในกลุ่มอย่าง BH CHG ขึ้นไปทำ new high ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ต่อมาก็ได้มีแรงขายทำกำไรออกมาจนทำให้กลุ่มโรงพยาบาลมีการปรับฐานลงมาจากระดับดัชนี 5,124 จุด ลงมาที่ 4,745 จุดหรือ -7.4% ลงมาที่ระดับ 2 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (- 2 s.d.) ซึ่งเป็นระดับที่เราคาดว่าจะมีการฟื้นตัวของราคาหุ้นได้ โดยราคาหุ้นในกลุ่มที่ปรับลดลงมาจากความกังวลว่าภาครัฐจะประกาศใช้มาตรการให้ผู้ป่วยสามารถนำใบสั่งยาไปซื้อยาเองที่ร้านขายยาในเดือนตุลาคม โดยบริษัทผู้ผลิตยาจะต้องระบุราคาขายปลีกบนบรรจุภัณฑ์ยาให้ชัดเจน ซึ่งเราคาดว่ามาตรการที่จะมีการนำเสนออาจไม่เข้มงวดนัก ซึ่งเราไม่แปลกใจเนื่องจากเชื่อว่ารัฐบาลไม่ต้องการใช้มาตรการที่รุนแรงเกินไปจนส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลเอกชนเพราะกังวลว่าอาจส่งผลเสียต่อคุณภาพบริการและกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศ โดยผลกระทบต่อโรงพยาบาลเพียงเล็กน้อยเนื่องจากคนไทยสามารถซื้อยาเองได้อยู่แล้ว เรายังแนะนำ Overweight กลุ่มการแพทย์ โดย BDMS เป็นหุ้น top pick ของกลุ่ม โดยมีราคาเป้าหมาย 22.40 บาท
Quantitative Analysis (QA)
INTUCH SCC BA PTT
จากการทำ Equity screening หุ้นใน SET100 ที่มีราคาปรับลดลงแรงและมี upside จากราคาเป้าหมายสูง ตาม criteria 1) RSI < 35 (เป็นหุ้นที่มีลักษณะ oversold หรือถูกขายมากเกินไป) 2) เป็นหุ้นที่ CIMB แนะนำ ซื้อ และ 3) มี upside เกินกว่า 15% เราจะพบว่ามีหุ้นเข้าข่ายดังกล่าวอยู่ 4 บริษัทประกอบไปไปด้วย INTUCH SCC BA PTT โดย INTUCH มี RSI 28.75 และมี upside 18% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 86 บาท, SCC มี RSI 33.32 และมี upside 43% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 659 บาท, BA มี RSI 34.35 และมี upside 37% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 26.75 บาทและ PTT มี RSI 34.65 และมี upside 21% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 295 บาท โดยหุ้นที่เราให้เป็น top pick ใน 4 บริษัทดังกล่าวจะเป็น INTUCH และ SCC ซึ่งเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มจะถูกทำ window dressing สำหรับงวดปิดไตรมาส 3/58 ในวันนี้ได้อีกด้วย
Momentum Play
EA
เราแนะนำ ซื้อ หุ้น EA ที่ราคาเป้าหมาย 29 บาท เราเชื่อว่า EA เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจหลังจากราคาหุ้นปรับฐาน โดยเรามองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรของ EA และเชื่อว่าบริษัทจะมีกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสามปีข้างหน้า โดยเฉพาะหลังเสร็จสิ้นการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบหมุนตามดวงอาทิตย์ 90MW ซึ่งคาดจะช่วยเพิ่มศักยภาพการทำกำไรอีก 15-20% เทียบกับโรงไฟฟ้าที่ไม่ใช้ระบบนี้ และนับเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบหมุนตามดวงอาทิตย์ ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานลม 126MW ใน 1Q16 อีกทั้ง EA มีกำหนดจะเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม 260MW ใน 4Q15 เราเชื่อว่าราคาหุ้น EA อาจปรับตัวสูงขึ้นอีกสะท้อนศักยภาพการทำกำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบหมุนตามดวงอาทิตย์ 90MW สองโครงการ
Laggard Play
INTUCH
เราแนะนำ ซื้อ INTUCH โดยมีราคาเป้าหมาย 86 บาท โดยเรามองว่า AIS (บริษัทลูกของ INTUCH) จะเป็นผู้ชนะอย่างชัดเจนในกรณีที่มีการจัดการประมูล 4G ปลายปีนี้ เมื่อประเมินจาก 1) ศักยภาพที่จะชิงตำแหน่งผู้นำด้านโครงข่ายทั้งบริการ 3G และ 4G จาก True, 2) ความเสี่ยงทางการเมืองเกี่ยวกับสัญญาสัมปทานลดลง และ 3) ความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านต้นทุนเพิ่มขึ้น (เทียบกับ True) นอกจากนั้นเราเชื่อว่า AIS มีโอกาสกลายเป็นพันธมิตรกับ TOT ในธุรกิจบรอดแบนด์ไร้สาย (mobile broadband: MBB) และบรอดแบนด์ผ่านสาย (fixed broadband: FBB) ซึ่งเท่ากับเปิดทางให้ AIS กลายเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ให้บริการครบวงจรทั้ง FBB และ MBB (fixed/mobile convergence) สำหรับในด้านของราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาแรงกว่ากลุ่ม (laggard) โดยใน 1 เดือนที่ผ่านมา -5.5% (ลงมาที่ระดับ -2 s.d.) เทียบกับ DTAC -5.1%, ADVANC -1.3%, TRUE -1.0% และตลาด (SET) -1.3% เปิดโอกาสในการเข้าลงทุนที่ดี โดย ณ ระดับราคาปัจจุบันจะมีอัตราเงินปันผลตอบแทนในปีนี้สูงถึง 6.7% และปีหน้า 7.9%
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha, CFPR, +662 657-9232 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,352.57 จุด เพิ่มขึ้น 3.73 จุด(+0.28%) มูลค่าการซื้อขาย 16,082.67 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น แต่มีแรงขายทำกำไรออกมา เนื่องจากยังมีปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศกดดันอยู่
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดภาคบ่าย คาดว่าจะรีบาวน์ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงท้ายตลาด เนื่องจากคาดว่าจะมีเม็ดเงินที่จะต้องเข้ามาปิด position สำหรับช่วงสิ้นไตรมาส จากพอร์ตโบรกเกอร์ โดยมีโอกาสที่จะเข้าไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1360-1365 จุด สำหรับกลยุทธ์ ยังเน้นเล่นรอบเหมือนเดิม โดยอาศัยจังหวะซื้อในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงแรงและขายทำกำไรออกในช่วงที่ตลาดฟื้นตัว
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Turnover List preview (Cash Balance) : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : AJD*, KOOL*, MAX*, PL-W1*, CMO-W1* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Bangkok Expressway (BECL TB; THB 36.00) - ซื้อ
MFEC (MFEC TB; THB 5.75) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]
