WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

คาด SET พักตัว ก่อนลุ้นบวกต่อ ดังนั้นซื้อแล้วเน้นถือไว้ก่อนได้

  กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังมีโอกาสปรับพักตัวลงอีก ตามบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่ไม่สดใสนัก แต่ FSS คาดว่าแนวโน้มการเคลื่อนไหวของ SET ยังมีสิทธิแกว่งตัวได้ดีกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน และมีโอกาสพลิกกลับไปแกว่งบวกต่อได้ตามคาดเดิม ดังนั้นยังสามารถเลือกหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกทยอยซื้อสะสมเข้าพอร์ตตาม Themes ต่างๆ เช่น LIT, MTLS, CK, PYLON, QH, PS, SAMART, ADVANC, CSS, GUNKUL, DEMCO เป็นต้น


  หุ้นเด่นทางเทคนิค : SST, BWG, MAJOR(buy back)
  แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ยังปรับตัวลงอีก โดยสวนทางกับภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคพอควร แต่ก็เป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นกลุ่ม TIPs ที่ยังปรับลงอยู่ ขณะที่เช้านี้ยังมีแรงกดดันจากการปรับตัวลงรุนแรงของทั้งตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาของการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากข่าวที่บริษัทโฟล์คสวาเกน เอจี แจ้งข้อมูลเท็จในการทดสอบการปล่อยมลพิษจากรถยนต์รุ่นดีเซลให้ดูดีเกินจริง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่กลับมาปรับตัวลงกันอีกครั้ง ทำให้ SET ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อได้อีกในวันนี้ อย่างไรก็ตาม FSS เชื่อว่า SET ยังมีโอกาสที่จะ Outperform ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน เพื่อลุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐดำเนินการอยู่ โดยเรายังประเมินเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ไว้ที่ 1450 จุดอยู่ ดังนั้นแม้ว่าระยะสั้น SET ยังแกว่งผันผวนได้ แต่สำหรับระยะกลางยังมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อตามคาดเดิม


  แนวรับ 1378-1376 , 1374-1370 จุด
  แนวต้าน 1384-1387 , 1390-1398 จุด
  Fund Flow วานนี้เงินทุนในภูมิภาคเข้าออกสลับกันสุทธิแล้วเท่ากับ US$0 โดยเม็ดเงินไหลเข้าไต้หวัน US$39 ล้าน และไทย US$3 ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$26 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$8 ล้าน กระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากความกังวลว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ กลับมาอีกครั้ง ส่งผลค่าเงินดอลลาร์ปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (-) ทั่วโลกกังวลกับการชะลอของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีน เช้านี้จีนรายงาน PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน ก.ย. ลดเหลือ 47.0 ต่ำกว่า ส.ค. ที่มีเหตุระเบิดท่าเรือเทียนจิน มีน้ำท่วมเล็กน้อยทางตอนใต้ของจีน และมีการหยุดโรงงานเพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่องค์ประกอบของ PMI ที่ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวคือ New orders ก็ยังปรับลงและต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี ยิ่งสะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนชัดเจนมากขึ้น มีแนวโน้มว่า GDP 3Q15 อาจต่ำกว่า 2 ไตรมาสก่อนที่โต 7% Y-Y เปิดโอกาสให้ทางการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่ในระยะหลัง ตลาดหุ้นตอบรับเป็นลบกับการออกมาตรการกระตุ้นฯของจีน หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Commodity จะถูกกดดันต่อไปอีกพักใหญ่
  (-) ค่าเงินเอเชียอ่อนค่า ADB ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนในปีนี้ลงเหลือ 6.8% และ 6.7% ในปีหน้า ขณะที่เป้าของรัฐบาลจีนอยู่ที่ 7.0% ผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนทำให้คาดการณ์ GDP ของเอเชียปีนี้เหลือ 5.8% จาก 6.3% ประกอบกับความวิตกเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed กลับเข้ามาในตลาดอีก (Fed เหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในปีนี้คือ ต.ค. และ ธ.ค.) ทำให้ค่าเงินในเอเชียเช้านี้อ่อนค่าเร็วอีกครั้ง
  (+) KOOL เป็นผู้นำพัดลมไอเย็นภายใต้แบรนด์ MASTERKOOL ที่มีจำหน่ายทั่วโลก บริษัทอยู่ในตลาดที่กำลังเติบโต โดยมูลค่าตลาดเครื่องปรับอากาศ 5 ปีที่ผ่านมาโตเฉลี่ยปีละ 8% ส่วนมูลค่านำเข้าพัดลมไอเย็นขนาดกลาง-ใหญ่ 3 ปีที่ผ่านมาโตปีละ 35% สำหรับผลการดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมารายได้และกำไรขั้นต้นโตใกล้กันคือ 35% ต่อปี แต่กำไรสุทธิผันผวนขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายในการทำตลาด เราคาดว่า KOOL จะทำได้ดีขึ้นจากการรุกช่องทางค้าปลีกที่ไม่ต้องโฆษณามากเหมือนเมื่อก่อน ค่าเช่าคลังสินค้าจะลดลงกว่าครึ่งจากการสร้างคลังสินค้าของตัวเอง เราคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 27% Y-Y เป็น 40 ล้านบาท และโตต่อเนื่องเฉลี่ย 15% ในปี 2016-18 ประเมินราคาเป้าหมายปี 2016 ที่ 2 บาท (PE 20 เท่า) (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ KOOL)
  (+) BIG ที่ประชุมบอร์ดมีมติล้างส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นโดยลดพาร์จาก 0.25 บาทเหลือ 0.10 บาท การทำเช่นนี้เพื่อเปิดช่องในการจ่ายปันผลเพราะปีนี้มีแนวโน้มทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เราคาด 270 ล้านบาท เพิ่มถึง 97% Y-Y ทั้งนี้ ต้องรออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น (22 ต.ค. 2015) ซึ่งเชื่อว่าไม่มีปัญหา เราคาด BIG จะจ่ายปันผล 0.03-0.04 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 2-3% เรายังคงราคาเป้าหมายปีนี้ 1.60 บาท แนะนำซื้อ

  (-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพลิกกลับมาปิดลบกว่า 1% โดยกลับมากังวลการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอีกครั้งซึ่งอาจส่งผลต่อช่วงเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
  (-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงแรงเฉลี่ยราว 3% จากการดิ่งลงของหุ้นโฟล์คสวาเกน เอจี รวมถึงแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาลดลงอีกครั้ง
  (-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังปรับตัวลดลงเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากการดิ่งลงของตลาดหุ้นทั่วโลก
  (-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าแรงทะลุระดับ 36.00 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง
  ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 45.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามตลาดหุ้นที่ร่วงลง รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกซึ่งจะส่งผลต่ออุปสงค์ของน้ำมันในอนาคต
  ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,124.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 8.00 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นจากคาดการณ์ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ที่กลับมากดดันอีกครั้ง

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21-23 ก.ย. - ญี่ปุ่น: ตลาดหุ้นปิดทำการ
23 ก.ย. - ไทย: KOOL เริ่มเทรดวันนี้ (ราคา IPO 1.80 บาท)
- จีน: Caixin PMI Manufacturing (ก.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.)
24 ก.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ส.ค.)
- ตลาดหุ้นมาเลเซีย และ อินโดนีเซียปิดทำการ
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ส.ค.), ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.) 
25 ก.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ส.ค.)
- สหรัฐ: 2Q15 GDP ตัวเลขสุดท้าย (ตลาดคาด +3.7%)
28 ก.ย. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน ปิดทำการ
- สหรัฐ: Pending Home Sales, Personal spending and income (ส.ค.)
29 ก.ย. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการ
- อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม
- รมว.ต่างประเทศของสหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประชุมเรื่องการรักษาสันติภาพในบริเวณคาบสมุทรเกาหลี

Contact person : Somchai Anektaweepon 
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!