- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 22 September 2015 17:44
- Hits: 1416
บล.เคเคเทรด : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลับไปทดสอบ 1400 จุดอีกรอบ
SET View
แนวโน้ม SET ยังทรงตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มเบาบางลง และพลิกสถานะกลับมาเป็นซื้อสุทธิ เล็กน้อยในช่วงหลัง (ต่างชาติซื้อสุทธิ 4 วันจากช่วง 5 วันทำการหลังสุด)
อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าแนวต้านเดิมที่ 1405 จุด น่าจะยังทำงานได้ดี มีโอกาสที่ SET จะพบกับแรงขายกดดันเมื่อขึ้นไปทดสอบแนวต้านดังกล่าว ประเมินกรอบ SET วันนี้ 1385-1405 จุด ในระยะกลาง เรายังคงมอง SET ในทิศทาง sideway จึงแนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
ประเด็นข่าว / ดัชนีเศรษฐกิจ
วันนี้ ครม.จะพิจารณานโยบายกระตุ้นการลงทุนจาก BOI ซึ่งอาจรวมถึงการขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษี (ยกเว้นภาษีสูงสุดจากเดิม 8 เป็น 13 ปี) และกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายหรือคลัสเตอร์ เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ ปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น AMATA, ROJNA, WHA มีการเก็งกำไรตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว ขอให้ระวังการ Sell on fact เมื่อมีมติ ครม. ออกมา
กระแสการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ภายในปีนี้ยังคงมีเข้ามาต่อเนื่อง หลังจาก วานนี้ Dennis Lockhart ประธาน Fed สาขาแอตแลนต้า ซึ่งเป็นสมาชิกผู้มีสิทธิ์โหวตในการประชุม Fed ปีนี้ ออกมาให้ความเห็นว่า Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ บนความเชื่อมั่นต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุน : ขายแล้วรอดูสถานการณ์ หรือ เก็งกำไรสั้นหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว
Top Daily Pick : SIRI (มูลค่าเหมาะสม 2.22 บาท) ยอด Presales ใน 8M58 เติบโตแรงสุดในกลุ่มอสังหาฯใน coverage ของเรา, Valuation ไม่แพง (P/E ratio 7.5 เท่า, dividend yield 6.6%) และ SCN (มูลค่าเหมาะสม 14.2 บาท) ราคาปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้าจนมี Upside จากราคาเหมาะสมสูงถึง 40%, มี Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการจากงาน EPC ตามแผนขยายสถานี NGV ของ PTT ในปี 2559
Technical Pick : IFEC TRUE BTC KC PICO (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)
Theme Plays : หุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นการลงทุนของ BOI (ครม.พิจารณา 22 ก.ย.นี้) (AMATA, ROJNA, WHA)/หุ้นท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเริ่มคลี่คลาย (MINT, ERW)/ ซ่อมแซมและฟื้นฟูที่อยู่อาศัยหลังน้ำท่วม (GLOBAL, HMPRO)
พอร์ตลงทุน
Trading ADVANC BBL INTUCH JAS SAWAD SIRI SEAFCO
Growth SVI AAV SMPC PTTGC SCB EGCO SPALI
Dividend AMATA AP BBL RATCH SAT ADVANC
Quant PTG BH INTUCH AJD BEAUTY VGI BCH
รายงานวันนี้
Update : กลุ่มยานยนต์ (น้ำหนักการลงทุน "เท่าตลาด") ยอดผลิตรถ ส.ค.เติบโตดีได้ตลาดส่งออกหนุน
Strategy Talk
กรณี SSI นำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรของหุ้นธนาคาร
ประเด็น SSI UK ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SSI หยุดผลิตเหล็กแท่งแบนชั่วคราว หลังจากประสบภาวะขาดทุน โดย SSI มียอดหนี้ที่กู้จากธนาคารรายใหญ่ 3 แห่ง รวมกัน 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น SCB 2.2 หมื่นล้านบาท, KTB 2.2 หมื่นล้านบาท และ TISCO 4.4 พันล้านบาท ทำให้ทั้ง 3 ธนาคารเตรียมการตั้งสำรองสำหรับกรณีนี้ ดังนี้
SCB ต้องตั้งสำรองเพิ่มราว 1-1.1 หมื่นล้านบาท แต่ SCB มีนโยบายขายหลักทรัพย์ในพอร์ตลงทุนของธนาคาร คาดจะมีกำไรเข้ามาราว 7-8 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อกำไรสุทธิของธนาคารได้ค่อนข้างมาก
ฝ่ายวิจัยภัทรได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของ SCB ในปีนี้ลงราว 4% จาก 4.87 หมื่นล้านบาทเหลือ 4.67 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนการตั้งสำรองครั้งนี้ พร้อมกันนั้น ได้ปรับลดมูลค่าเหมาะสมจาก 147 บาท เหลือ 140 บาท เนื่องจากมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยไม่สดใส
TISCO เตรียมตั้งสำรองเพิ่มราว 1.4-1.5 พันล้านบาทใน 3Q58 นี้ทันที เพื่อให้ครบ 100% โดยในส่วนของสินเชื่อที่ให้กับ SSI UK ธนาคารมีแผนที่จะตัดหนี้สูญในภายหลังจากการตั้งสำรองเต็ม 100% คาดว่าจะทำให้ NPL ratio เพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 0.34% ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยภัทร ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลง 6.4% เหลือ 3.8 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนการตั้งสำรองในครั้งนี้ แต่คงมูลค่าเหมาะสมที่ 34 บาท เช่นเดิม
KTB ก่อนหน้านี้ มีการตั้งสำรองไปแล้วราว 54% และเตรียมตั้งสำรองเพิ่มอีกราว 9 พันล้านบาท เนื่องจาก KTB รักษาระดับสำรองทั่วไปและสำรองส่วนเกินให้มากกว่าระดับที่เพียงพออยู่เสมอ ซึ่งจะสามารถโอนเป็นสำรองพึงกันสำหรับกรณี SSI ได้ แต่จะทำให้อัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ลดลงจาก 124% ณ สิ้น 2Q58 เหลือ 92% ดังนั้น เพื่อรักษาระดับ Coverage ratio ให้เกิน 100% KTB จะตั้งสำรองเพิ่มเติมใน 3Q58 ราว 6 พันล้านบาท (ข้อมูลเพิ่มเติม: กำไรใน 1H58 ของ KTB เท่ากับ 1.64 หมื่นล้านบาท) ปัจจุบัน ฝ่ายวิจัยภัทร ประเมินมูลค่าเหมาะสม 16 บาท
ในเชิงกลยุทธ์ ราคาหุ้นธนาคารเหล่านี้ปรับตัวลดลงตามข่าวลบ ในระยะสั้น อาจทำ Technical rebound ได้ โดยเฉพาะ SCB ซึ่งราคาปรับตัวลดลงมา 3.8% เทียบกับราคาปิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ใกล้เคียงกับประมาณการกำไรที่ลดลงไป แต่นักลงทุนควรเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง เพราะในเชิงพื้นฐาน ราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่สูงกว่ามูลค่าเหมาะสม สำหรับกรณีซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว เราแนะนำว่า ควรรอให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาจนมี Upside อย่างน้อย 10% ก่อน
ปิยะภัทร์ ภัทรภูวดล
นักกลยุทธ์การลงทุน