- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 September 2015 17:18
- Hits: 7810
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -65.21, NASDAQ +4.71, S&P -5.11, FTSE -42.22, CAC +9.30 และ DAX +2.37 หลังเฟดลงมติ (9 : 1)คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0 - 0.25% ต่อไป จากความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอและตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงใดนั้น เฟดต้องการที่จะเห็นว่าตลาดแรงงานมีการปรับตัวดีขึ้นอีก และมีความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างไรก็ตามประธานเฟด กล่าวว่าเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนยังคงสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเจ้าหน้าที่เฟด 13 จาก 17 มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกจะเกิดขึ้นในปีนี้ คาดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นจำนวน 1 ครั้งก่อนสิ้นปี ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อน ที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน – สค. ลดลง 3% อยู่ที่ 1.126 ล้านยูนิต ต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.18 ล้านยูนิต
....ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปิดทำการก่อนทราบผลประชุมเฟด ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. -US$0.25 อยู่ที่ US$46.90 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร หลังปรับเพิ่มขึ้นเมื่อวันก่อน
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$2.0 อยู่ที่ US$1,117.0 ต่อออนซ์ จากการขายทำกำไร ก่อนทราบผลการประชุมเฟด ซึ่งปกติตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการซื้อขายก่อนที่การประชุมเฟดจะสิ้นสุดลง
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,250 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -91,208 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ผันผวน? คาดตลาดมีโอกาสถูกขายทำกำไร (Sell on Fact) หลังมติเฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ขณะที่ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ ขณะที่จีนมีแนวโน้มชะลอตัว คาดอาจส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ที่เป็นคู่ค้า แต่จีนพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการผ่อนคลาย ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ แนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีนที่คาดอาจเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมตลาดหลังจากนี้ไป
.....ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นเดิมจาก Fund Flow หลังต่างชาติซื้อสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 3 และยังแนะติดตามค่าเงินบาท ที่ล่าสุดแข็งค่าขึ้น คาดส่งผลต่อดี Fund Flow และยังแนะจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่คาดออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลดค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
....รวมถึงติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น ITD, STEC, TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.82 – 35.84 แข็งค่าขึ้นจาก
ก่อนหน้าที่ประมาณ 36.00 – 36.20 บาท (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO และ VNG เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (CENTEL) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, BA) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มทรงตัว และคาดดีขึ้น โดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58 (6) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) หลัง กสทช. จะเปิดประมูลใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 1,800 MHz และ 900 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) ในวันที่ 11/11/58 และ15/12/58 ตามลำดับ และ (7) Window Dressing – 3Q/58 ในวันที่ 30/9/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เพิ่มขึ้น -0.09 อยู่ที่ 2.22% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.21 อยู่ที่ 21.24
หุ้นแนะนำ : GL
ประเด็นที่ต้องติดตาม (18 กย.’58)
18/9/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ - ส.ค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788