- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 September 2015 17:14
- Hits: 6950
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ยหนุนตลาด
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ นโยบายภาครัฐเป็นบวกทั้งนอกและในประเทศหนุนตลาด ในประเทศกระทรวงการคลังกำลังจะออกมาตรการจูงใจการทำธุรกิจออกมาอีก ภาคเอกชนตอบรับการคงอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ด้วยดี ในขณะที่ต่างประเทศการคงอัตราดอกเบี้ยของ Fed และความน่าจะเป็นของการไม่ขึ้นดอกเบี้ยเลขในปีนี้เริ่มเพิ่มขึ้น น่าจะเป็นบวกต่อตลาด
หุ้นเด่นวันนี้ : SPALI (Bt19.00; NR; 15TP Bloomberg Bt21.30)
หุ้นเด่นวันนี้ของเราคือ SPALI ชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับในเรื่องความคุ้มค่าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แม้สภาพเศรษฐกิจจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยนักในปี 2015 ในไตรมาส2 รายรับของ SPALI พุ่ง 94.7% YoY มาอยู่ที่ 5 พันล้านบาท ในขณะที่กำไรเติบโตก้าวกระโดด 84.9% YoY มาอยู่ที่ราว 1 พันล้านบาท มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ชุดใหม่ น่าจะช่วยผลักดันยอดขายบ้านในครึ่งปีหลังเป็นอย่างยิ่ง ด้วยกองทุนหมู่บ้านพร้อมจะอัดฉีดเงินกู่ในชนบท 6 หมื่นล้านบาท เป็นการเพิ่มอำนาจซื้อโดยตรงทั่วประเทศ ในขณะที่เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่ให้แก่ SMEs โดยธนาคารออมสินจำนวน 1 แสนล้านบาทพร้อมวงเงินค้ำประกัน 1 แสนล้านบาท จากบรรษัทค้ำประกันสินเชื่อน่าจะช่วยเพิ่มอำนาจซื้อสำหรับชนชั้นกลาง ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายหลักของ SPALI บริษัทเพิ่งประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.50 บาทต่อหุ้น ทำให้คาดการณ์เงินปันผลทั้งปีนี้ที่เพิ่มขึ้นไปเป็น 1.02 บาท ต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูง 5.6% ได้เกิดสัญญาณซื้อรายวันเมื่อไม่นานมานี้ และหากราคาหุ้นปิดเหนือ 18.90 วันนี้ จะเกิดสัญญาณซื้อรายสัปดาห์สำหรับหุ้น SPALI ยิ่งไปกว่านั้นหากราคาหุ้นปิดเมื่อสิ้นเดือนนี้เหนือ 18.80 จะเกิดสัญญาณซื้อรายเดือนนับเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของการปรับตัวขึ้นของราคคาหุ้นในระยะสั้นและกลาง ราคาหุ้นน่าจะขึ้นไปปิดเหนือเป้าหมายแรกที่ 20 บาทก่อนจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าถัดไปที่ 21.40 และ 22.80 ตามลำดับ (แนวต้าน: 19.10, 19.30, 19.60; แนวรับ: 18.90, 18.70, 18.40)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ภาคเอกชนตอบรับผลประชุม ธปท. ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าวเห็นด้วยกับการตัดสินใจคงดอกเบี้ยของ ธปท.ที่ 1.5% เนื่องจากเงินบาทและดอกเบี้ยนั้นต่ำพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว สอดคล้องกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยที่ระบุว่าตัวฉุดการเติบโตเศรษฐกิจไม่ใช่ดอกเบี้ยแต่เป็นเรื่องความเชื่อมั่นมากกว่าโดยจะต้องใช้มาตรการกระตุ้นที่ชัดเจนด้านโครงการโครงสร้างพื้นฐานมากกว่า (The Nation)
รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือธุรกิจตั้งใหม่ ครม. กำลังพิจารณามาตรการที่จะช่วยให้ง่ายขึ้นในการตั้งธุรกิจใหม่ ขอใบอนุญาตทำงาน จ่ายค่าธรรมเนียมศุลกากร และการได้ใบอนุญาตก่อสร้างในเขตชนบท (The Nation)
รมว. คลัง เสนอสิทธิประโยชน์จูงใจใหม่ ตามคำกล่าวของ รมว.กระทรวงการคลัง มาตรการภาษีและมิใช่ภาษีเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า โดยจะเสนอสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มเติมแยกออกจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมในไทยเติบโตได้ในเส้นทางใหม่ที่ยั่งยืน (Bangkok Post)
กังวลต่อน้ำท่วม เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ในพัทยา และพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตบางละมุง จังหวัดชลบุรี ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้เตือน 14 จังหวัดในภาคตะวันออกและภาคใต้ถึงเหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่มจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจากอิทธิพลพายุหว่ามก๋อ (The Nation)
ADVANC : (ปิด 234 บาท, ราคาเป้าหมาย 290 บาท) มียอดร้องเรียนปัญหาสายหลุดมา กสทช. ช่วง 2 ก.ค. ถึง 11 ก.ย. 58 มากที่สุด โดยมี 720 เรื่อง โดย DTAC มี 373 เรื่องและ TRUE มี 224 เรื่อง (KTO)
ต่างประเทศ :
เฟดคงอัตราดอกเบี้ย ตอบรับความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ตลาดการเงินที่ผันผวนและเงินเฟ้อสหรัฐที่ชะลอตัว แต่เฟดยังเปิดทางสำหรับการกระชับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในช่วงปลายปีนี้ นักลงทุนปรับเปลี่ยนความสนใจไปยังการประชุมนัดถัดไปของเฟดระหว่างวันที่ 27-28 ต.ค. ขณะที่พวกเขายังคงไม่แน่ใจถึงกรอบเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกของเฟดนับตั้งแต่ปี 2549 (Reuters)
ยังมีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปี 2558 ประมาณการเศรษฐกิจฉบับใหม่ซึ่งแสดงว่าผู้กำหนดนโยบายเฟดจำนวน 13 จาก 17 รายคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปี 2558 ลดลงจาก 15 รายในการประชุมเฟดเมื่อเดือนมิ.ย. ผู้กำหนดนโยบายเฟดจำนวน 4 ราย เชื่อว่าขณะนี้ไม่ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงปี 2559 เทียบกับมีผู้ที่มีความเห็นเช่นนี้ 2 รายเมื่อเดือนมิ.ย. (Reuters)
ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อวันพฤหัสหลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ย เงินยูโรแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์อยู่ที่ 1.1424 ดอลลาร์และปิดที่ 1.1423 ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.5% อยู่ที่ 119.92 เยน ดัชนีดอลลาร์ลดลงอยู่ที่ 94.360 ต่ำสุดนับแต่ 26 ส.ค. 58 (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวดิ่งลง สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ร่วงลงอยู่ที่ 0.686% กลับสู่ระดับปกติใน 1 วันหลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่งที่ 0.819% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ร่วงลงอยู่ที่ 2.192% จากที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งที่ 2.303% เมื่อวันพุธ (Reuters)
สหรัฐ :
หุ้นสหรัฐปิดทั้งบวกและลบในวันพฤหัส หลังจาก Fed คงดอกเบี้ยจากเหตุความวิตกกังวลต่อความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อที่ยังต่ำมากในสหรัฐ หุ้นการเงินซึ่งได้ประโยชน์จากการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น นำตลาดลงหลังจากนักลงทุนตอนนี้เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงต่ำอยู่ต่อไป (Reuters)
ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐต่ำสุดใน 8 สัปดาห์ ตัวเลขดังกล่าวร่วงลง 11,000 คนมาอยู่ที่ 264,000 คนในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดด้วยวันที่ 18 ก.ค. ซึ่งตอนนั้นตัวเลขนี้ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2516 ถือว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐต่ำกว่า 300,000 คนเป็นสัปดาห์ที่ 28 ติดต่อกันแล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ (Reuters)
ยอดสร้างบ้านใหม่ชะลอในเดือน ส.ค. ยอดสร้างบ้านใหม่สหรัฐ ลดลง 3.0% มาอยู่ที่อัตราปรับเป็นจำนวนปีที่ระดับ 1.13ล้านหน่วยในเดือนที่แล้ว แม้จะลดลงแต่ตัวเลขยังคงอยู่เหนือระดับ 1ล้านหน่วย เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันแล้ว อย่างไรก็ตามคำขออนุญาตสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 3.5% ในเดือน ส.ค. มาอยู่ที่ 1.17 ล้านหลัง หลังจากลดลง 15.5% ในเดือน ก.ค. (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน นักลงทุนรอดูการตัดสินใจของ Fed ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ (Reuters)
เอเชีย :
สมาชิก BOJ มีมุมมองร่วมกันว่าเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่จะกลับไปสู่เส้นทางการเติบโตในระยะยาว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เผชิญกับการขยายตัวเศรษฐกิจที่อ่อนแอ อ้างอิงจากผลการประชุมนโยบายทางการเงินของ BOJ ประจำเดือน ส.ค. ที่รายงานออกมาในวันศุกร์ (Reuters)
จีนประกาศรายละเอียดข้อมูลด้านนโยบาย พรรคคอมมิวนิสต์และคณะรัฐมนตรีเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายเมื่อวันพฤหัสบดี โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญที่จะเปิดเศรษฐกิจของประเทศให้กว้างออกไป รวมถึงการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนต่างประเทศ อาทิ การเปิดเสรีการค้าและการออกนโยบายสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ออกไปลงทุนข้างนอกมากขึ้น (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ทองขึ้นจาก Fed คงนโยบาย ทองตลาดจรปรับขึ้น 11.85 ดอลลาร์หรือ 1.06% สู่ 1,131.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังแตะจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ระดับ 1,133.20 ดอลลาร์ในระหว่างวัน เป็นเพราะ Fed ตัดสินใจคงดอกเบี้ยที่ 0-0.25% และผลต่อเนื่องที่กดดันค่าเงินดอลลาร์ ทำให้ดัชนีดอลลาร์ปรับลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ (Reuters)
ราคาน้ำมันลงจากความกังวลเศรษฐกิจ Fed ตัดสินใจคงดอกเบี้ย บรรเทาแรงฉุดขาลงวานนี้ แต่ภาพรวมก็ยังปรับลงอยู่จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดย NYMEX ปรับลง 25 เซนต์ปิดที่ 46.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent ร่วง 67 เซนต์ ปิดที่ 49.08 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094