- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 17 September 2015 18:22
- Hits: 1424
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
หยิบเงิน-หยิบทอง (17/09/58)
กลยุทธ์วันนี้ S-T Taking-Profit
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดฟื้นตัว นำโดยกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี และ SCC/ SCCC หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้น บวกกับแรงเก็งกำไรก่อนการประชุมเฟด และการเกิด Technical rebound ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,381.80 จุด บวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 11.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,931 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มน่าสนใจ ด้วยการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 มูลค่า 402 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 2,820 สัญญา และะซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 992 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
? ติดตามการประชุมเฟด จะทราบผลการประชุมในคืนนี้ ตามเวลาประเทศไทย
? ติดตามการพิจารณาร่างกฎหมายการเปิดให้สหรัฐฯ กลับมาส่งออกน้ำมันได้หรือไม่ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเช้าวันนี้
? เช้านี้ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เด่น ค่าเงินแกว่งแข็งค่าบริเวณ 35.80-35.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ (8.18 น)
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” วันที่ 13 และให้โอกาสที่ SET INDEX จะไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,390 จุด +/- เพื่อเป็นการเก็งกำไรต่อผลการประชุมเฟดในคืนวันนี้ อีกทั้งเงินทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกัน เราเชื่อว่าการกลับมาซื้อสุทธิของต่างชาติ น่าจะทำให้สถาบันภายในประเทศชะลอการขาย และอาจกลับมาซื้อสุทธิบางส่วนคืนได้เช่นกัน
ผลของการประชุมเฟดในคืนวันนี้ ในมุมมองของเราประเมินว่า
หากเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.00-0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เราคาดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลับมาอ่อนค่า ค่าเงินตลาดเกิดใหม่กลับมาแข็งค่า ซึ่งน่าจะทำให้เงินทุนต่างชาติกลับเข้ามาเก็งกำไรต่อตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย เราให้น้ำหนักส่วนนี้มากที่สุด
แต่หากเฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่จะไม่มากเท่ากับ 0.25% เราให้น้ำหนักกับกรณีนี้มากเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะทรงตัว ตลาดหุ้นทั่วโลกจะฟื้นตัวเด่น เพราะการตัดสินใจของเฟดในกรณี เท่ากับว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไป จะเป็นไปอย่างจำกัด เพราะยังไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากนัก หรือหากเฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเท่ากับ 0.25% เราให้น้ำหนักกรณีนี้น้อยที่สุด จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเด่น ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับฐานลงแรงชั่วคราว ก่อนจะฟื้นตัวในที่สุด เพราะสะท้อนถึงระดับความเชื่อมั่นของเฟดต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดกลับมามองและเก็งกำไรในมุมนี้ในที่สุด ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร จะยังมีความแข็งแกร่งเหนือภาพรวม SET INDEX ในช่วงสั้นนี้ หลังปลัดกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอแผนการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า 4 เส้นทางต่อครม.เพื่อพิจารณาและอนุมัติ ภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อเปิดทางสำหรับขั้นตอนการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ในช่วงที่เหลือของปีนี้
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา อาจพิจารณาขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,390-1,400 จุด"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: IRPC / SAMTEL
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1. IRPC : ราคาปิด 3.90 บาท ราคาเหมาะสม 4.20 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะเป็นกลุ่มน าตลาดในวันนี้หลังราคาน้ำมันดิบNYMEX +5.7% และ BRENT +4.2% เนื่องจาก EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งการเกิด Short Covering ก่อนทราบผลการประชุมเฟดในคืนวันพฤหัสว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
b) แม้ผลประกอบการ 3Q58 จะถูกกดดันจากผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน แต่เชื่อว่า IRPCจะยังเด่นกว่าหุ้นอื่นๆในกลุ่มโรงกลั่นเนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษเงินประกันรับคืนจากเหตุไฟไหม้ เข้ามาช่วยหักล้างผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง
c) ขณะที่ผลประกอบการ 4Q58 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวเด่น qoq จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากเข้าสู่ High Season ของฤดูหนาวซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานสูง จึงคาดว่าหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจะกลับมาบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันใน 4Q58
d) คาดผลประกอบการปี 2558 พลิกกลับเป็ นกำไรสุทธิ 6,556 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ9,374 ล้านบาท ในปี 2557 และเติบโต +23% qoq เป็น 8,078 ล้านบาท จากแรงหนุนของโครงการ Phoenix ที่จะเริ่ม CDO ในช่วงปลายปี 2558
e) Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 7.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มพลังงานที่ 12.8 เท่า
2. SAMTEL : ราคาปิ ด 19.90 บาท ราคาเหมาะสม 24.70 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่าจะทราบผลการประมูลงานขนาดใหญ่กว่า 3 พันล้านบาท ในเดือนก.ย. และช่วยต่อยอด Backlog ให้เพิ่มขึ้นเป็นระดับสูงสุดใหม่ จากปัจจุบันที่ 6.0 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมการรับรู้รายได้ในปี 2559 ให้เติบโตอย่างมั่นคง
b) คาดผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q58 และจะเริ่มเห็นการฟื้นตัว qoq ตั้งแต่3Q58 เป็นต้นไป จากการรับรู้รายได้งานโครงการที่มากขึ้นและมีอัตรากำไรที่สูงกว่างานใน 1H58
c) หุ้นกลุ่มวางระบบโทรคมนาคม (SI) ได้ประโยชน์โดยตรงจากการผลักดัน NationalDigital Economy Master Plan ในปี 2559 – 2563 เพื่อยกระดับโครงสร้างโทรคมนาคมของประเทศ และจะส่งผลให้เกิดการประมูลงานขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากในปี 2559
d) ให้ SAMTEL เป็ น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากมี Backlog ที่แข็งแกร่ง และมี TrackRecord ที่ดีในการรับงานประมูลขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐฯ และเอกชน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีโอกาสชนะงานประมูลสูงกว่าบริษัทอื่นๆในกลุ่ม SI
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันท าการ US$134 ล้านจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$684 ล้านโดยซื้อสุทธิเพียง TAIEX และ SETINDEX เท่านั้น
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 156.2 -49.5 3,719.5 13,190.4 9,188.0
KOSPI n.a -120.6 915.9 6,165.50 4,875.1
JSE -26.3 -17.7 -631.1 3,750.60 -1,806.4
PSE -6.7 -522.9 -801.1 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -0.6 2.7 199.1 135.6 263.2
SET INDEX 11.2 24.3 -2,656.5 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +402 +876
SET50 Index Futures (สัญญา) +2,820 -2,810
SSF (สัญญา) -563 +1,100
Metal Futures (สัญญา) +10 +3
ตลาดตราสารหนี้(ล้านบาท) +992 -198
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 มูลค่า 402 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 1,265 ล้านบาท เทียบกับ 9 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 10,250 ล้านบาท แต่ยังทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงเกิน 9 หมื่นล้านบาทเป็นวันที่ 8 เท่ากับ 92,458 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 2,820 สัญญาเทียบกับ 4 วันทำการ Short สุทธิ 20,798 สัญญา น่าจะการเริ่มทยอยปิดสถานะ Short อีกครั้งหลัง SET50Index เริ่มฟื้นตัวใกล้ทดสอบ 900 จุดอีกครั้งส่งผลให้ S50U15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 4.50 จุดจากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 8.77 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิขยับขึ้นเป็น 58,819 สัญญาสำหรับตลาดตราสารหนี้นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 992 ล้านบาท และราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นเป็ นวันที่ 3 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเล็กน้อย 0.49bps จากวันก่อนหน้าที่ลดลง 5.22bps ปิ ดที่ 2.982% หลังกนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็ น 932 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,487 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt)% of tradingVolumeAvg.Price(Bt)
ADVANC 262.12 10.45% 234.41
INTUCH 96.13 5.59% 75.22
JAS 90.51 3.39% 5.80
CPF 79.94 12.34% 20.85
KBANK 60.29 9.35% 178.91
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อย่างหนาแน่น โดยเน้นสะสม ADVANC /JAS
การซื้อ ขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิมากถึง 2,081 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 423 ล้านบาท โดยเน้นสะสมADVANC แม้ว่าจะมีประเด็นข่าวการแก้ไขสัญญาสัมปทานก็ตาม สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่ม ICT กลับมาซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 726 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 340 ล้านบาทและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 224 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 127 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ ขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 34 ล้านบาท
ซื้อ สุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท)% มูลค่าการซื้อขายขายสุทธิสูงสุดมูลค่าสุทธิ(ล้านบาท)% มูลค่าการขาย
ADVANC 524.01 16.26 KBANK -94.07 38.19
JAS 275.18 16.15 DTAC -56.24 9.76
SCC 185.49 19.60 INTUCH -24.49 12.70
PTTGC 145.08 17.79 MTLS -23.09 26.54
SCB 137.86 17.93 STEC -20.60 13.04
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong