- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 17 September 2015 18:20
- Hits: 1440
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET View
แนวโน้ม เราคาดว่าวันนี้ SET ฟื้นตัวต่อเนื่องตามทิศทางตลาดหุ้นโลก และราคาน้ำมันดิบที่ดีดแรงจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีใน SET ประเมินกรอบ SET วันนี้ 1375-1390 จุด ด้านสัญญาณในตลาดทุนโลกก่อนรู้ผลประชุม Fed ออกมาผสมผสาน กล่าวคือ อัตราผลตอบแทน (Yield) พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 และ 10 ปี ดีดตัวขึ้น (สะท้อนความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ย) แต่ค่าเงินดอลล่าร์ (ผ่าน Dollar index) อ่อนค่าลงเล็กน้อยราว 0.2%
ประเด็นข่าว / ดัชนีเศรษฐกิจ
• ที่ประชุม กนง.วานนี้ มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ตามที่ตลาดคาด โดย กนง. ประเมินว่า ภาวะการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ว่าจะเผชิญกับปัจจัยลบจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยภัทรคาด กนง.จะคงดอกเบี้ยไปตลอดทั้งปีนี้ และมีโอกาสขยับดอกเบี้ยขึ้นในช่วงปลายปีหน้า เป็นไปตามทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ
• ประเทศเวเนซุเอล่า เสนอให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่ม OPEC และนอกกลุ่ม OPEC เพื่อหาทางออกในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบโลก ข่าวนี้ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัววานนี้ (Brent +6.7%, WTI +5.7%)
• Organization for Economic Cooperation and Development (OECD) กล่าวว่า Fed ควรขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ เพื่อลดความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก แต่อยากให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกันนี้ OECD ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกในปีนี้ จากเดิมคาดโต 3.1% เหลือ 3% และปีหน้าจาก 3.8% เหลือ 3.6% แต่มีการปรับเพิ่ม GDP ของสหรัฐฯปีนี้จาก 2% เป็น 2.4%
• บริษัทที่เข้าร่วมกิจกรรม Opportunity Day วันนี้ (วันสุดท้ายของรอบ 2Q58) ได้แก่ SCN, HTECH, LDC, GCAP
กลยุทธ์การลงทุน : แบ่งขายเพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตก่อนการประชุม Fed/ เก็งกำไรสั้นหุ้นที่มีประเด็นบวกหรือมีโมเมนตัมเชิงเทคนิคให้ปรับตัวขึ้นต่อ
Top Daily Pick : PTT (มูลค่าเหมาะสม 363 บาท) Valuation ถูก ซื้อขายที่ P/BV ต่ำเพียง 0.97 เท่า, มี Sentiment บวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบโลกวานนี้ และ LH (มูลค่าเหมาะสม 10 บาท) ยอด Presales ฟื้นตัวแรง +35% MoM (สูงสุดนับตั้งแต่ ก.พ.58) หนุนด้วยสินค้าแนวราบ ขณะที่ผลประกอบการ 4Q58 มีปัจจัยหนุนจากการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน REIT ของ Terminal 21 ในส่วนของโรงแรม เราคาดปีหน้ากำไรกลับมาเติบโต 9% YoY เทียบกับปีนี้ที่คาดหดตัวแรง 24% YoY
Technical Pick : SCB TNPC BGT RCI LH (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)
Theme Plays : หุ้นที่ได้รับผลบวกจากนโยบายกองทุนหมู่บ้าน (เริ่มปล่อยเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 14 ก.ย.นี้) (GL, GCAP, TK, THANI, S11, GLOBAL, MC, DRT, DCC) /หุ้นท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเริ่มคลี่คลาย (MINT, ERW)
Strategy Talk
โค้งสุดท้ายก่อนรู้ผลประชุม Fed
• โพลล์สำรวจความคิดเห็นในช่วงโค้งสุดท้าย น้ำหนักเทไปทาง การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในคืนนี้ เริ่มจาก CNBC ผู้ตอบแบบถามส่วนใหญ่กว่า 49% เชื่อว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้ เช่นเดียวกับโพลล์ของ Financial Times ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ราว 47% เชื่อแบบนั้นเช่นกัน
• วานนี้ สหรัฐฯรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ส.ค. (Headline CPI) ขยายตัวเล็กน้อยราว 0.2% YoY เป็นไปตามตลาดคาด แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน ขยายตัว 1.8% YoY เท่ากับเดือนก่อนหน้า แต่ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 1.9% YoY เราเชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อครั้งนี้ที่ประกาศออกมาไม่น่าจะมีน้ำหนักต่อการตัดสินใจของ Fed อย่างมีนัย เพราะ Fed รับรู้มาตลอดว่า เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% แต่ Fed ยืนยันว่า เงินเฟ้อระดับต่ำเกิดจากปัจจัยชั่วคราวอย่างราคาน้ำมันตกต่ำและเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่า เชื่อว่า ในระยะถัดไป การจ้างงานที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง จะหนุนให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมายในระยะยาวได้
• ฝ่ายวิจัย Bank of America Merrill Lynch (BoAML) คงมุมมองว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในคืนนี้ คาดภายในปีนี้ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง (ปีนี้เหลือการประชุม Fed อีก 2 ครั้งคือเดือน ต.ค. และ ธ.ค.) และ 4 ครั้งในปีหน้า (ส่วนปีหน้ามีการประชุมทั้งหมด 8 ครั้ง)
• ความเสี่ยงคือ จีน การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะทำให้มีกระแสเงินทุนไหลออกจากจีนมาก หากจีนพยุงค่าเงินหยวนไม่ไหวและยอมปล่อยให้หยวนอ่อนค่าอีกรอบ คล้ายเหตุการณ์เมื่อ 11-13 ส.ค.ที่ผ่านมา จะทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดทุน คือ การอ่อนค่าพร้อมกันของค่าเงินเอเชีย และการปรับฐานแรงของตลาดหุ้น
• ด้านผลกระทบต่อ SET เบื้องต้น (หากไม่มีปัจจัยลบจากจีน) เรามองว่า อาจไม่รุนแรงมาก เพราะ 1) การขึ้นดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์มาตลอด ไม่ใช่ Surprise ที่เกิดขึ้นทันทีทันใด 2) นักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตขายหุ้นไทยมาตลอดตั้งแต่ กลางปี 2556 จนถึงปัจจุบันแล้วกว่า 3.2 แสนล้านบาท และไม่เคยกลับเข้ามาซื้ออย่างมีนัยตั้งแต่นั้น 3) Valuation ของ SET ปรับตัวเข้าสู่สมดุล โดยกลับมาซื้อขายบริเวณ P/E 13.9 เท่า (อิงคาดการณ์กำไรปีหน้า) ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 13 ปีย้อนหลังที่ 13.5 เท่า และส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง SET และพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ Earnings Yield Gap กลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 3.5%
Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.05
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.96
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.85
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.90