WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

"จับตาถ้อยแถลงเฟดและกนง.ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ"

Stock Picks-Sep 2015 : Fundamental : CK, INTUCH, KBANK, QH, RATCH

Fundamental Pick -Today: AOT (ดูรายละเอียดหน้า 2)

Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF

Shot Sell-Prev : BIGC 57%, AIT 25%, TUF 23%, IRPC 21%

Technical View ตลาดเป็นลบ แต่มีสิทธิรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1380-1390 ค่าลบ
SET5 ซื้อค่าบวก 900, 910 ค่าลบ

Technical Picks- Today : BCP, SCB, SYNEX, BANPU, LST, BLA, TUF, KTC

 

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : STEC (เดิมถือเป็น ซื้อ)
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปิดลลดง 6.50 จุด ที่ 1370.65 โดยนักลงทุนระมัดระวังการลงทุนก่อนการประชุมเฟดและกนง.ของไทย แม้ว่าส่วนใหญ่เชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินทั้งสองประเทศจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิมก่อนก็ตาม ระหว่าง Wait & See เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติและรายย่อยซื้อสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ขายสุทธิ แต่ก็กลุ่มละไม่มาก
        สำหรับวันนี้ Sentiment การลงทุนเป็นบวกหลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับขึ้นดี อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงติดตามผลประชุมกนง.และเฟด โดยของไทยคาดว่าวันนี้ (16 ก.ย.) คณะกรรมการฯจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม 1.50% ก่อน ส่วนของเฟดจะประชุม 2 วันคือ 16-17 ก.ย. คนส่วนใหญ่ก็คาดการณ์ว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ก่อนเช่นกัน สิ่งที่จับตา คือ ถ้อยแถลงเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจสหรัฐว่าจะเป็นอย่างไรในมุมมองของผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งส่วนนี้จะมีผลต่อทิศทางตลาดในระยะต่อไป กลยุทธ์ : การลงทุนยังเน้นหุ้น Defensive & ปันผลสูง ส่วนการเก็งกำไรตามรอบก็ยังสามารถทำได้ในหุ้นที่มีข่าวหรือปัจจัยกระตุ้นในระยะใกล้ๆ แต่ไม่ควรหวัง Gap กำไรมากในช่วงตลาดผันผวน สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น AOT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพโดยรวมของตลาดเป็นลบ แต่มีสิทธิรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ การซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1380-1390, 1400 ค่าลบดูไม่ดี ควร Wait & See หรือลดพอร์ตตามเมื่อมีเงินสดเหลืออยู่น้อย สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ได้แก่ SCB, SYNEX, LST, KTC ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและยังถือต่อได้ คือ BANPU, BCP, BLA, TUF, STAR, MAX ส่วนหุ้นที่หลุด List เป็น BBL, SIRI, BRR, TIPCO

 

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
/- สหรัฐ : ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.2%MoM น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%MoM
- สหรัฐ : การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.4%MoM ในเดือนส.ค. แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2%MoM เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่ซบเซา และตลาดการเงินที่ผันผวนกดดันตัวเลขการผลิตดังกล่าว ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนส.ค.ลดลงเป็น 77.6% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 77.8%
สหรัฐ: ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ย.58 สู่ระดับ -14.7 จาก -14.9 ในเดือนส.ค. แต่ดัชนีเดือนก.ย.ยังคงอยู่ในแดนลบเป็นเดือนที่ 4 ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแรง...เชื่อเฟดไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบก.ย.นี้ ปิดตลาดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 228.89 จุด (+1.4%) ปัจจัยหนุน คือ กระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบ 16-17 ก.ย.นี้ โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่มาช่วยหนุนคาดการณ์ดังกล่าว คือ ตัวเลขยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ต่ำกว่าคาด
ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 44.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ ปิดที่ 46.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาทองคำลดลง ทั้งนี้สัญญาตลาด COMEX ปิด -5.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1102.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะนักลงทุนโยกเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น ฯลฯ มากขึ้นเมื่อคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC รอบ 16-17 ก.ย.นี้

 

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
/+ กลุ่มเหล็ก : มาตรการสกัดเหล็กนำเข้าช่วยหนุน หุ้นกลุ่มเหล็กปรับขึ้นจากการที่รัฐจะออกมาตรการสกัดการนำเข้าเหล็กลวดคาร์บอนจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งช่วยให้สถานการณ์กดดันของอุตสาหกรรมผ่อนคลายลง แต่อุตสาหกรรมนี้ก็ยังมีเรื่องอุปสงค์และราคาเหล็กที่อ่อนแอกดดันอยู่ ในเชิงกลยุทธ์ เรามองว่าผู้ประกอบการค้าเหล็กจะอยู่ในสถานะที่ดีกว่าผู้ผลิตขั้นกลาง เพราะเป็นธุรกิจบริการที่สามารถบริหารมาร์จิ้นให้มีความเสถียรได้มากกว่า หุ้นเด่นของเราเป็น TMT จุดเด่น คือ บริการเหล็กครบวงจรแบบ Solution ซึ่งรวมไปถึงการบริหารสินค้าคงคลังให้กับลูกค้าด้วย (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 11.20 บาท คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ 7.7% จ่ายปีละ 1 ครั้ง)
+ กลุ่มท่องเที่ยวยังไปได้ดี แม้ว่าการท่องเที่ยวของไทยจะสะดุดตัวไปบ้างเมื่อมีเหตุการณ์ระเบิดสี่แยกราชประสงค์ แต่ผลกระทบก็จำกัดมาก และขณะนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวก็กลับสู่ภาวะปกติแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเติบโตแข็งแกร่ง ทาง AOT รายงานจำนวนผู้โดยสารเดือนส.ค.58 ในเบื้องต้นว่าขยายตัว 23.8%YoY ปริมาณเที่ยวบินเพิ่ม 23.7%YoY และคาดว่าจะเติบโตในอัตราเลขสองหลักได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้ว่าจะเทียบกับฐานที่สูงขึ้นในปีก่อนก็ตาม ผู้ประกอบการโรงแรมในย่านท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ กล่าวว่ายอดจองที่พักในช่วง High Season ของปีนี้เข้ามาแล้ว 80-90% บ่งชี้ว่าธุรกิจท่องเที่ยวของไทยยังไปได้ดี เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับอุตสาหกรรมนี้ หุ้นเด่น คือ AOT, BA, CENTEL และ MINT


+ AOT (ราคาปิด 271 บาท) : คาดรายได้งวดปี 58/59 (ต.ค.58-ก.ย.59) จะเติบโตแกร่งต่อเนื่อง โดยประเมินไว้ใกล้เคียงกับงวดปี 57/58 (ต.ค.57-ก.ย.58) ที่ 15-18% จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 22%YoY สำหรับกำไรสุทธิงวดปี 57/58 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้โดยสารในช่วง 1 ต.ค.57 - 4 ก.ย.58 ที่เติบโตสูงกว่า 22% และแตะ 100 ล้านคนไปแล้ว
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : สำหรับฝ่ายวิจัยฯ DBS คาดการณ์กำไรสุทธิปี 57/58 และปี 58/59 ของ AOT ไว้ที่ 15.7 และ 18.5 พันล้านบาท คิดเป็น EPS เท่ากับ 11.0 และ 13.0 บาท/หุ้น เติบโต 28% และ 18% ตามลำดับ ซึ่งปี 57/58 อยู่ในค่าเฉลี่ยของ Consensus แต่ปี 58/59 จะสูงกว่าตลาดประมาณ 30% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 366 บาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ Consensus 15% จุดเด่นของ AOT คือ การเป็นผู้ประกอบการสนามบินรายเดียวของไทย และการใช้บริการสายการบินมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและได้ประโยชน์จากการเปิด AEC ส่วนข้อจำกัดในระยะสั้น คือ กำลังสามารถรองรับผู้โดยสารที่ค่อนข้างเต็มแล้ว


      ทั้งนี้ การเปิด Terminal II ของสนามบินดอนเมืองจะเพิ่มกำลังรองรับจาก 22.5 เป็น 30 ล้านคน หรือ +8-10% จากกำลังสามารถรองรับในปัจจุบัน โดยส่วนนี้จะเปิดเดือนพ.ย.58 ส่วนอาคาร 3 ของสนามบินดอนเมืองกำลังพิจารณาปรับปรุงและเปิดเพิ่มในระยะต่อไปซึ่งจะช่วยให้กำลังรองรับผู้โดยสารดอนเมืองขยับเป็น 40 ล้านคนและกำลังสามารถรองรับโดยรวมเพิ่มอีก 10% สำหรับโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่มี 5 สัญญาคาดว่าจะประกาศ TOR ได้ในเดือนพ.ย.-ธ.ค.58 คัดเลือกผู้รับเหมาเดือนก.พ.59 เริ่มก่อสร้างสัญญาแรกมี.ค.59 เริ่มก่อสร้างสัญญาสุดท้ายมิ.ย.59
- กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม : ยังอยู่ในภาวะซบเซา การยื่นขอรับส่งเสริมจาก BOI ในช่วง 5M58 ลดลงอย่างมาก จากข้อมูล BOI พบว่าในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.58 มีตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 306 โครงการ จำนวนเงินลงทุนเพียง 4.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 471 โครงการ จำนวนเงินลงทุน 2.98 แสนล้านบาท ทั้งนี้เพราะนักลงทุนต่างชาติรอดูความชัดเจนด้านการเมืองและแนวนโยบายของรัฐบาลก่อนตัดสินใจนำเงินเข้ามาลงทุน
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!