- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 15 September 2015 18:36
- Hits: 2886
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"แกว่งก่อนประชุมเฟด"
Stock Picks-
Sep 2015 : Fundamental : CK, INTUCH, KBANK, QH, RATCH
Fundamental Pick -Today: BLA
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : BIGC 48%, PTTEP 36%, AIT 35%, RATCH 32%, MINT 26%
Technical View ตลาดเป็นลบเล็กๆ แต่ก็มีลุ้นรีบาวด์ในระยะสั้นมาก
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1390-1400 ค่าลบ
SET50 ซื้อค่าบวก 900-910 ค่าลบ
Technical Picks- Today : BCP, TURE, SVOA, ITD, CEI, BLA, TIPCO, TUF
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลงต่อ 4.57 จุดปิดที่ 1377.15 ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับตลาดภูมิภาคที่แกว่งแคบก่อนการประชุมเฟดวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ นอกจากนั้นหุ้นกลุ่มพลังงานยังถูกกดดันจากการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบ สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.นำขายสุทธิ รายย่อยซื้อสุทธิดักก่อนผลประชุมเฟดออก ส่วนต่างชาติซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
สำหรับวันนี้ ตลาดยังอยู่ในแนวโน้มแกว่งรอผลประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย.58 ซึ่งในตลาดมีทั้งกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้เลย และยังไม่ปรับขึ้นแต่น่าจะเริ่มปรับขึ้นในเดือนธ.ค.58 โดยความเห็นส่วนใหญ่ยังค่อนไปทางที่จะยังไม่ปรับขึ้นในรอบนี้ แต่ด้วยความไม่แน่นอนทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนไปจนกว่าจะมีข้อมูลหรือสัญญาณใหม่เข้ามาเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี จะมีนักลงทุนบางกลุ่มที่อยาก Bet และเชื่อว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้เข้ามาซื้อเก็งกำไรดัก ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นจะอ่อนลงไม่มากหรือสามารถเป็นบวกได้เล็กๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าดอกเบี้ยสหรัฐยังไม่ปรับขึ้นรอบนี้ ก็จะมีกังวลต่อเนื่องในระยะต่อไปอีก ดังนั้นตลาดยังคงมีความผันผวนได้อยู่
กลยุทธ์ : การลงทุนยังเน้นหุ้น Defensive & ปันผลสูง ส่วนการเก็งกำไรตามรอบก็ยังสามารถทำได้ในหุ้นที่มีข่าวหรือปัจจัยกระตุ้นในระยะใกล้ๆ แต่ไม่ควรหวัง Gap กำไรมากในช่วงตลาดผันผวน สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TUF
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ตลาดโดยรวมค่อนไปทางลบเพราะหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแล้ว ดังนั้นการซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1390-1400 ค่าลบดูไม่ดี ควร Wait & See หรือลดพอร์ตตามเมื่อมีเงินสดเหลืออยู่น้อย สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ได้แก่ BCP, BLA, TIPCO ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและยังถือต่อได้ คือ BBL, SIRI, BRR, STAR, MAX
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ยูโรโซน : การผลิตภาคอุตสาหกรรมก.ค.เพิ่มดีกว่าคาด สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปหรือยูโรสแตท เปิดเผยว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซนเดือนก.ค.ปรับขึ้น 0.6%MoM มากกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะขยายตัว 0.3%
+ ยูโรโซน : ยูโรสแตทปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 1H58 ยูโรโซนขึ้นไตรมาสละ 0.1% สู่ระดับ 0.5% และ 0.4% ใน 1Q58 และ 2Q58 ตามลำดับ ภายหลังยอดส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการชะลอตัวของภาคครัวเรือนและการลงทุนที่ชะลอตัวลง
/- ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งก่อนประชุมเฟด โดยดัชนี DJIA ปิดลดลง 62.13 จุด หรือ -0.38% ทั้งนี้การซื้อขายค่อนข้างซบเซาเนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนรู้ผลประชุมเฟดที่จัดประชุม 16-17 ก.ย.นี้ สำหรับผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยวอลล์สตรีท เจอร์นัล คาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีในการประชุมครั้งนี้ แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปในการประชุมสัปดาห์นี้ และอาจจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบอ่อนลงต่อ โดยสัญญา WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 63 เซนต์ ปิดที่ 44 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ลดลง 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้โอเปกคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มนอกโอเปกจะลดลง 7.2 หมื่นบาร์เรลเป็น 8.8 แสนบาร์เรล/วัน โดยมาจากการผลิตที่ลดลงของ Shale Oil ของสหรัฐ
ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อย สัญญาตลาด COMEX ปิด +4.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1107.70 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนรอดูผลประชุมเฟดเช่นกัน
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
จะให้ครม.พิจารณายกเว้นภาษีเพิ่มให้กับผู้ประกอบการด้านวิจัย & พัฒนาเทคโนโลยีฯ เพิ่มเป็น 13 ปี บอร์ด BOI เห็นชอบหลักการแก้ไขมาตรการยกเว้นภาษีให้ผู้ประกอบการที่ลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI สูงสุด 13 ปีจากปัจจุบันอยู่ที่ 8 ปี ซึ่งทางบอร์ดฯเตรียมเสนอให้ให้ที่ประชุมครม.พิจารณาเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ในปัจจุบันผู้ประกอบการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมฯในด้านนี้มีน้อยมาก (เพียง 0.47% เท่านั้น)
กระทรวงการคลังศึกษาแนวทางดึงธุรกิจประกันภัยเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐานของประเทศ เพราะธุรกิจประกันภัยมีเงินลงทุนใหญ่มาก หากดึงเข้าช่วยลงทุนได้ก็จะเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม เบื้องต้นพิจารณาแนวทางตั้งกองทุน Infrastructure Fund แบบรายโครงการหรือตั้งกองทุนใหญ่เดียวสำหรับทุกโครงการ แล้วดึงธุรกิจประกันภัยเข้ามาร่วมลงทุนในกองทุนดังกล่าว
+ โฆษณาผ่านทีวีดิจิตอลเติบโตก้าวกระโดดจากฐานต่ำ...แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี ผลสำรวจของเอซี นีลเส็น (ประเทศไทย) ระบุวว่ามูลค่าโฆษณาในเดือนส.ค.58 ทั้งระบบเพิ่มขึ้น 0.32%YoY เป็น 10,379 ล้านบาท โดยโฆษณาผ่านทีวีแอนาล็อกยังสูงที่สุด แต่ลดลงกว่า 12%YoY ส่วนโฆษณาผ่านทีวีดิจิตอลมีการเติบโตก้าวกระโดดมากที่สุดคือ 112%YoY เป็น 1.79 พันล้านบาท สำหรับ 8M58 มูลค่าโฆษณาผ่านสื่อเพิ่มขึ้น 8.09%YoY เป็น 81,829 ล้านบาท โดยในส่วนโฆษณาทีวีดิจิตอลเติบโตแกร่ง 373.71%YoY เป็น 14,145 ล้านบาท
การขยายตัวสูงมาจากฐานที่ต่ำ แต่ก็เป็นสัญญาณบวกกับธุรกิจว่ามีแนวโน้มดี เมื่อเข้าสู่ช่วง High Season ของการจับจ่ายใช้สอยใน 4Q58 และต้นปี 59 รวมถึงเศรษฐกิจที่มีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นในปีหน้าก็คาดว่าค่าใช้จ่ายโฆษณาจะขยายตัวได้ในอัตราสูงอีก ทั้งนี้การโฆษณาผ่านทีวีดิจิตอลมีโอกาสปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาได้อีกเพราะยังต่ำกว่าทีวีแอนาล็อกอยู่มาก ขณะที่ผู้ชมเคลื่อนย้ายเข้ามาชมทีวีดิจิตอลมากขึ้นเป็นลำดับ
หุ้นเด่นเป็น WORK รองลงมาเป็น RS, GRAMMY
MTLS (ราคาปิด 16.40 บาท) : ยืนยันว่า NPL อยู่ในระดับต่ำมาก ผู้บริหารบริษัทกล่าว่าระดับ NPL Ratio ยังอยู่ในระดับต่ำมากที่ 1.1% ของสินเชื่อรวม ซึ่งต่ำหลายบริษัทไฟแนนซ์ในอุตสาหกรรมที่อยู่เท่ากับ 8-12% ของสินเชื่อรวมอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีสัดส่วนการปล่อยกู้จำนองสูง ซึ่งสินเชื่อประเภทนี้จะมี LTV ต่ำ (คือมีหลักประกันสูง) ลูกหนี้จึงไม่ยอมให้เป็น NPL
แนวโน้มการเติบโตยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นไปตามการเปิดสาขาใหม่ที่ตั้งเป้าหมายไว้กว่า 300 แห่ง/ปี (กลางส.ค.58 มีสาขารวม 800 แห่ง) โดยเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันสูง เช่น จำนำรถยนต์, จำนำรถจักรยานยนต์, จำนำโฉนด ฯลฯ และยังคงให้สินเชื่อส่วนบุคคล & นาโนไฟแนนซ์กับลูกค้าเก่าที่มีประวัติดี ผู้บริหารตั้งการเติบโตไว้ปีละ 50% ในช่วงปี 58-59 และขยายตัว 40-50% ในปี 60 ฝ่ายวิจัยฯ DBS แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 23 บาท โดยอิงกับ Gordon Growth Model (ROE 20%, Growth 10%, Cost of Equity 11%)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]