- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 15 September 2015 18:06
- Hits: 1532
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: เคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1380
SET Index: 1379.09 ฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1380 จุดหลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวโน้มขาขึ้นลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงต่อการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1360 จุด และมีแนวต้านสำคัญที่ 1400 จุด อย่างไรก็ดี เรายังคงคาดว่า ทิศทางหลักของ SET Index ยังมีโอกาสปรบตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือระดับ 1400 จุด และมีแนวต้านสำคัญที่ 1440 จุด ดังนั้น ถ้าปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับที่ 1360 จุด ควรใช้เป็นจังหวะซื้อหุ้นเพิ่ม
แนวต้าน : 1380 และ 1385
แนวรับ : 1375 และ 1370
JAS = 5.90 / 6.00, ITD = 8.25 / 8.40, TRUE = 10.20 / 10.40, CPF = 21.00 / 21.50, AOT = 270 / 274
Total Access Communication (DTAC TB; THB 65.75) – ซื้อ
แนวต้าน : 70.00 และ 72.00
แนวรับ : 65.75 และ 65.50
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับสำคัญของโครงสร้างในระยะสั้นที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 ชั่วโมง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวที่บริเวณแนวรับสำคัญกลับขึ้นไป
60 Min: MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยลงไปในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 30
แนะนำซื้อ DTAC โดยมีแนวรับที่ 65.75 และ 65.50 และมีแนวต้านที่ 70.00 และ 72.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 65.00 ลงไป
Chow Steel Industries (CHOW TB; THB 6.55) – ซื้อ
แนวต้าน : 6.90 และ 7.00
แนวรับ : 6.55 และ 6.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วัน หลังจากฟื้นตัวเหนือจุดต่ำสุดเดิม เข้าใกล้แนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้มีโอกาสทะลุผ่านขึ้นไปได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ CHOW โดยมีแนวรับที่ 6.55 และ 6.50 และมีแนวต้านที่ 6.90 และ 7.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 6.30 ลงไป
SET50 Index Futures
S50U15 ฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 885 หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 880 แต่ในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบ 880 และ 870 แต่ถ้าสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 892 ขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 900 เป็นแนวต้านสำคัญในระยะสั้น
แนวต้าน : 892 และ 895
แนวรับ : 885 และ 882
คำแนะนำ: เราแนะนำให้รอ Open Long ที่แนวรับ 880 และมีแนวต้านที่ 890 เป็นจังหวะขายในระยะสั้น แต่ถ้าทะลุผ่าน 892 จะเป็นจังหวะกลับเข้าไป Open Long
STOP LOSS สถานะ Long ถ้าหลุด 878 ลงไป
ITDU15
ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามกรอบแนวโน้มขาขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 8.40-8.44 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น ทำให้แนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นยังมีความแข็งแกร่ง และมีแนวรับสำคัญที่ 8.00 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่อง
แนวต้าน : 8.40 และ 8.44
แนวรับ : 8.20 และ 8.16
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน ITDU15 ที่แนวต้าน 8.40 และมีแนวรับที่ 8.20 และ 8.04 เป็นจุดขายทำกำไร และกลับเข้าไป Open Long
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า ITDU15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือ 8.50 ขึ้นไป
TRUEU15
ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 10.20 จากแรงขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้านสำคัญ 10.40 ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 10.40 และ 10.50 และมีแนวรับสำคัญที่ 10.00
แนวต้าน : 10.30 และ 10.40
แนวรับ : 10.24 และ 10.20
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน TRUEU15 ที่แนวรับ 10.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 10.40
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า TRUEU15 ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 9.95 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...รอดูผลการประชุมกนง. และเฟดสัปดาห์นี้
ความผันผวนที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจจีนและเอเชีย ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นในตลาดเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องในระดับ 10% ถึง 20% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน โดยแรงขายที่หนักจะอยู่ในเดือน ส.ค. ช่วงที่จีนลดค่าเงินหยวน หากมาดูความถูกความแพงผ่านค่า P/BV 12 เดือนล่วงหน้าของตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ถือว่าถูกเป็นรองแค่ปี 2008 เท่านั้น ปัจจุบันค่า P/BV ลงมาที่ระดับ 1.2 เท่าแล้ว เริ่มมีแรงดีดเล็กน้อย ภาพตรงนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีเม็ดเงินไหลกลับเข้าเอเชีย เนื่องจากสภาพตลาดยังมีความผันผวนได้ทุกเมื่อ แต่หากมีเม็ดเงินไหลเข้าก็น่าจะเป็นแบบ เลือกเฉพาะประเทศหรือเฉพาะอุตสาหกรรมมากกว่า
หากตลาดเกิดความชัดเจนเรื่องการประชุม FOMC น่าจะทำให้หลายๆ อย่างคลายตัวลง หากที่ประชุม FOMC ส่งสัญญาณชัดเจนว่าขึ้นดอกเบี้ย ตลาดมองว่าน่าจะส่งผลดีกับตลาดหุ้นเนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งจริง ไม่หวั่นความผันผวนที่เกิดขึ้น แต่หากไม่ขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้นคงจะยังผันผวนและต้องเผชิญกับการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์ไปอีกพักใหญ่ เรามองว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะชัดเจนขึ้น (ทั้งเชิงบวกและลบ) หลังการประชุม FOMC เพราะดูเหมือนตอนนี้สถานการณ์ในจีน ตลาดเริ่มคลายตัวลงไปมาก จากการที่รัฐบาลค่อยๆ ออกมาตรการมาทีละอย่าง เพื่อเบรกการไหลของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
ล่าสุดจากผลสำรวจของ Bloomberg โดยนักเศรษฐศาสตร์ 103 คน ปรากฎว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ประมาณ 51% คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.25% ในการประชุมคราวนี้ ในขณะที่อีกประมาณ 49% คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.50% ส่งผลให้ค่ากลาง (mean) ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.38% ด้วยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ที่ 0.12% ซึ่งจะเห็นได้ว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ ซึ่งต่างจากสัปดาห์ก่อนที่ส่วนใหญ่ยังคงคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.50% กว่า 50% ดังนั้นคงต้องรอดูผลการประชุมในช่วงวันที่ 16-17 ก.ย. ว่าเฟดจะมีมติอย่างไร
ตลาดในสัปดาห์นี้คาดจะผันผวนน้อยลง แต่ก็ยังขึ้นเหนือ 1400 จุดได้ยาก เพราะขาดปัจจัยหนุนในระดับภายประเทศที่จะหนุนให้ดัชนีไปต่อ หากจะมีก็รอลุ้นผลดำเนินงาน Q3/15 และการทำปิดงบรายไตรมาส (window dressing) ส่วนต่างประเทศ ก็เหลือรอลุ้นท่าทีของรัฐบาลจีนและราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันเรายังมองว่าแม้จะถูกปรับลดราคาเป้าหมายลง แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในกรอบ 45-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล การเหวี่ยงลงลึกๆ แม้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ไม่น่าจะอยู่ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลของน้ำมัน จากข้อมูลที่ผ่านมาราคาน้ำมันมักจะสร้างจุดต่ำสุดประมาณเดือน ม.ค.
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ เราคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% สอดคล้องกับที่ตลาดคาด เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับที่ต่ำ แต่ธนาคารยังเข้มงวดกับการปล่อยกู้มากเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมไปถึงขณะนี้รัฐบาลก็ได้ใช้นโยบายทางการคลังมาช่วยผลักดันเศรษฐกิจเพิ่มเติม ดังนั้นการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกก็คงไม่ช่วยอะไรมาก แต่กลับกันหากกนง. มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงและเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงทันทีและส่งผลให้มีเงินไหลออกจากตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้น วันนี้หากตลาดมีการรีบาวน์เราแนะนำ ทยอยขายทากำไร โดยให้แนวรับไว้ที่ 1365-1370 และแนวต้านที่ 1385-1390 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,379.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.94 จุด(+0.14%) มูลค่าการซื้อขาย 17,958.10 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งในกรอบแคบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุน ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบ ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ (16-17 กย.) ติดตามการประชุมกนง. (พรุ่งนี้) ตลาดคาดเฟดและกนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดภาคบ่าย แกว่งตัวแคบ หลังตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ โดยนักลงทุนเริ่มมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่าจะเห็นผลที่เป็นรูปธรรมอาจจะต้องรอจนถึงช่วงปลายปี ทำให้ยังไม่ใส่เม็ดเงินใหม่ๆเข้ามา ส่งผลให้ตลาดยังเน้นเก็งกำไรเล่นรอบเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับทางเทคนิค หากตลาดไม่สามารถกลับไปยืนเหนือระดับ 1380 จุด สัญญาณเก็งกำไรจะยังดูอ่อนแอ และยังเปิดโอกาสที่จะเห็น SET ไปที่แนวรับ 1365 จุด อีกรอบ แต่ถ้ากลับไปยืน 1380 จุดได้ ก็จะทำให้สัญาณการเก็งกำไรยังไปต่อได้ โดยจะมีแนวต้านที่ 1400 จุด ในกรณีดังกล่าว โดยเราให้จับตาดูค่าเงินบาท หากยังไม่กลับมาแข็งค่าต่ำกว่า 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โอกาสที่ SET จะปรับตัวขึ้นแรงๆก็จะมีน้อย ระยะสั้นยังแนะนำให้รอจังหวะเข้าซื้อที่ บริเวณ 1360-1365 จุด โดยเน้นกลุ่ม ท่องเที่ยว โรงแรม เนื่องจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Total Access Communication (DTAC TB; THB 65.75) - ซื้อ
Chow Steel Industries (CHOW TB; THB 6.55) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]