- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 September 2015 16:44
- Hits: 1922
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET จะย้อนลงบ้างแต่คาดกรอบลบแคบ และลุ้นบวกต่อได้..
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังมีจังหวะผันผวนและพักตัวลงให้เห็น แต่ FSS คาดว่ากรอบลบยังจำกัด และตลาดมีสิทธิกลับไปดีดขึ้นต่อได้ ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นซื้อช่วงลบ แล้วเน้นถือรอโอกาสทำกำไรช่วงบวกไว้ก่อนเช่นเดิม
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MFEC, AMATA, HMPRO(short)
แนวโน้ม : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(11 ก.ย.) SET ปรับตัวย้อนลงจากบวกเกือบ 10 จุดในช่วงเช้า มาปิดเป็นลบกว่า 14 จุดในภาคบ่าย หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงบ่ายวันศุกร์ปรับตัวย้อนลงเกือบ 1 ดอลลาร์ จึงทำให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงกดดันตลาด และส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นส่วนใหญ่อีกครั้ง เพราะที่ผ่านมา SET ก็มีจังหวะรีบาวด์เป็นบวกขึ้นมาพอควรแล้วด้วย ขณะที่เช้านี้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะสามารถพลิกกลับขึ้นไปปิดเป็นบวกได้ดีขึ้น เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาค่อนข้างอ่อนแอ ทำให้นักลงทุนยังมีความหวังว่าการประชุมเฟดช่วงกลางสัปดาห์นี้(16-17 ก.ย.) อาจจะยังไม่มีการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็เป็นไปได้ แต่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง โดยมีทั้งที่เป็นบวกและลบแคบๆ ซึ่งคาดว่านักลงทุนยังรอติดตามความชัดเจนจากการประชุมเฟดในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้อีกครั้ง ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวนและยังมีจังหวะย้อนลบให้เห็นได้ แต่เราคาดว่ากรอบลบของ SET น่าจะยังค่อนข้างจำกัด และโอกาสที่จะพลิกกลับไปแกว่งบวกอีกครั้งยังเป็นไปได้ เพื่อรอลุ้นผลประชุมเฟดในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ รวมทั้งน่าจะยังมีแรงซื้อเก็งกำไรจากการเร่งดำเนินการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องโดยภาครัฐของไทยด้วย
แนวรับ 1380-1377 , 1374-1370 จุด
แนวต้าน 1385-1390 , 1395-1400 , 1403-1410 จุด
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$110 ล้าน ส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$80.3 ล้าน ตามด้วยไทย US$14.2 ล้าน และกลับมาไหลออกไต้หวัน US$8.7 ล้านหลังซื้อสุทธิติดกัน 2 วัน รวมสัปดาห์ก่อนเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$509 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังมีทิศทางไหลออกแต่ชะลอตัวลง รอผลประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) การประชุม Fed 16-17 ก.ย. ยังกดดันตลาดหุ้นโลก ถ้า Fed ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมกลางสัปดาห์นี้ ค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาอ่อนค่าชั่วคราว ค่าเงินในเอเชียอาจแข็งค่าระยะสั้น และบรรยากาศในตลาดหุ้นผ่อนคลายลง แต่หาก Fed ขึ้นดอกเบี้ย กระแสเงินทุนจะไหลเข้าสหรัฐในระยะแรก แต่หลังจากนั้นเงินทุนจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในเอเชียเพราะหลายตลาดปรับลงมาจน Valuations ถูกเช่นตลาดหุ้นจีน เกาหลี ไต้หวัน และไทย อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทในระยะยาวยังมีแนวโน้มอ่อนค่า
(-) ราคาน้ำมันดิบปรับลงต่อหลัง Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันทั้งปีนี้และปีหน้า โดย WTI ในปีนี้ปรับลงจาก US$52/บาร์เรล เหลือ US$48.1/บาร์เรล และมองราคาเฉลี่ยปีหน้าต่ำลงเหลือ US$45/บาร์เรล จากเดิม US$57/บาร์เรล ส่วนราคา Brent ปีนี้ปรับลงจาก US$58.7/บาร์เรล เหลือ US$53.7/บาร์เรล และมองปีหน้าเหลือ US$49.5/บาร์เรล จาก US$62/บาร์เรล จากปัญหา Oversupply และเศรษฐกิจจีนชะลอ
(+) ราคาน้ำมันถูกลงเป็นบวกต่อธุรกิจปลายน้ำ ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงเป็นลบต่อธุรกิจต้นน้ำคือกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (Stock loss) และเป็นลบทางอ้อมกับธุรกิจพลังงานทดแทน ส่วนธุรกิจที่ได้ประโยชน์คือสายการบิน (โดยเฉพาะสายการบินที่ hedge ไว้น้อยเช่น AAV) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (ต้นทุนค่าพลังงานคิดเป็น 50-60% ของยอดขาย) กลุ่มรับเหมา (ต้นทุนส่วนใหญ่คือค่าวัสดุก่อสร้าง) กลุ่มค้าปลีก (ต้นทุนโลจิสติกส์และค่าไฟฟ้าคิดเป็น 2-4% ของยอดขาย) และกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมผ่านราคาวัสดุก่อสร้างที่ที่แนวโน้มปรับลง
(0) ลุ้นการประชุมครม.อังคารนี้และครม.เศรษฐกิจวันพุธ หุ้นกลุ่ม Domestic plays ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐยัง outperform เช่นกลุ่มค้าปลีก ไฟแนนซ์ขนาดเล็ก รับเหมาก่อสร้าง
(0) คาดกนง.คงดอกเบี้ย ที่ 1.50% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ในการประชุมพุธนี้ ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับธนาคารกลางเกาหลีและมาเลเซียที่คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์ก่อน แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะยังอ่อนแอและกนง.มีพื้นที่เหลือในการลดดอกเบี้ย แต่น่าจะรอดูผลของรัฐบาลที่ใช้นโยบายการคลังดูแลเศรษฐกิจก่อน เพราะการลดดอกเบี้ยจะยิ่งเสี่ยงต่อการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าและเงินไหลออก
(+) บอร์ดกทค.เล็งประมูลคลื่น 900MHz 15 ธ.ค. นี้ โดยจะเสนอเข้าบอร์ด กสทช. 16 ก.ย. เพื่อสรุปความชัดเจน (คลื่น 1800MHz จะประมูล 11 พ.ย.นี้) หลักเกณฑ์สำคัญที่เปลี่ยนไปคือราคาตั้งต้นในการประมูลเพิ่มเป็น 1.28 หมื่นล้านบาท หรือ 80% ของมูลค่าคลื่น จากเดิมตั้งไว้ 70% แต่เราเห็นว่าไม่มีนัยสำคัญเพราะเพิ่มขึ้นเพียง 1.6 พันล้านบาทต่อ 15 ปี ความคืบหน้าในการประมูลเป็นบวกต่อกลุ่มสื่อสาร และบวกมากสุดกับ ADVANC (ราคาเป้าหมายปีนี้ 290 บาท) เพราะเป็นคลื่นคุ้นเคยและใช้งานมาตลอด หากชนะประมูลจะนำไปเพิ่มศักยภาพในบริการ 3G ให้ดีขึ้นได้
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยแม้จะถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง แต่ตลาดยังจับตาดูผลการประชุม FED ปลายสัปดาห์นี้
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนลบจากความไม่แน่นอนว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้เลยหรือไม่
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้แกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอดูผลการประชุม FED ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ว่าจะมีท่าทีอย่างไรในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 35.95-36.15 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 44.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง Goldman Sachs ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันทั้งปีนี้และปีหน้าลง ขณะที่ตลาดยังกังวลทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลก รวมถึงช่วงเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,103.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 6.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนลดความเสี่ยงลงเพื่อจับตาดูการประชุม FED ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14-ก.ย. - ยูโรโซน: Industrial Production (ก.ค.)
15-ก.ย. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- สหรัฐ: Retail sales (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ก.ย.)
16-17 ก.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
16-ก.ย. - ไทย: กนง.ประชุม
- ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการ
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
17-ก.ย. - ตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการ
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ส.ค.)
20-ก.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (ส.ค.)
21-ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ส.ค.)
23-ก.ย. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.)
24-ก.ย. - ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดทำการ วัน Idul Adha
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research