- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 September 2015 17:55
- Hits: 4623
บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Daily Strategy
ตลาดหุ้นวานนี้: SET ปรับขึ้น +16.97 จุด ปิดที่ 1,396.29 จุด ตามการปรับขึ้นในตลาดหุ้นภูมิภาคจากทางการจีนจะออกนโยบายการคลังที่เข้มข้นมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากกองทุนในประเทศกว่า 4,200 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 1,438 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,608 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 แต่กลับมา Net short TFEX 1,986 สัญญา
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: ยังผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค แม้นักลงทุนจะคลายความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจจีนที่คาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนส.ค. ของจีนที่ประกาศเช้านี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.7% จาก 1.6% ในเดือนก.ค. น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดบ้าง แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับลงเมื่อคืนกว่า 239 จุด เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้าจึงน่าจะเป็นปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นบ้านเราไม่ให้ไปต่อ หรืออาจจะผันผวนในทิศทางลง
กลยุทธ์วันนี้: เป็นโอกาสเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นหากตลาดลงแรง เรายังคาดว่าเฟดไม่น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะดีขึ้นต่อเนื่องจากตัวเลขจ้างงานสหรัฐแข็งแกร่ง แต่ยังไม่ยั่งยืนเพราะอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในอดีตที่ผ่านมาเป็นบวกมากกว่าผลลบ
Trading วันนี้: ANAN กำไรสุทธิกำลังฟื้นตัว คาดทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q15
กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดี: พลังงานทดแทน (GUNKUL, EA) กลุ่ม Health care (BDMS) และสื่อสาร
High Div. Stock: ADVANC, TVO, INTUCH, BTS, BJCHI
KSS report วันนี้: CPF (Initail coverage Outperform/เป้า 25 บาท)
หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้:
(+) ทางการจีนใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อจะช่วยสร้างความมั่นใจในการลงทุนและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ : กระทรวงการคลังจีนเผยวานนี้ว่าจะออกนโยบายการคลังที่มีความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเผชิญแรงกดดันช่วงขาลง โดยจะลดการจัดเก็บภาษีธุรกิจ SME , เพิ่มจำนวนร้านค้าปลอดภาษีตามท่าเรือต่างๆ ตลอดจนยกระดับการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนา SME ระดับประเทศ รวมทั้งกองทุนร่วมทุนด้านอุตสาหกรรมใหม่ๆ เป็นต้น อย่างไรก็ดีเราเชื่อประเด็นนี้จะยังเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงนี้
(+) การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในอดีตที่ผ่านมาเป็นบวกมากกว่าผลลบ: จากข้อมูลในอดีตการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดตั้งแต่ปี 1946-2004 พบว่าก่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ย 6 และ 3 เดือน ดัชนี S&P 500 จะปรับขึ้น 8.2%และ 3.9% ตามลำดับ ส่วนหลังการปรับขึ้น 3 เดือน ดัชนี S&P 500 จะปรับลงเฉลี่ย 1.5% แต่ 6 เดือนจะปรับขึ้น 4.8%
(-) ราคาน้ำมันดิบวานนี้ปรับตัวลดลงทั้ง 2 ตลาด โดย WTI ลดลง 1.79 $/bbl(-3.9%) ปิดที่ 44.15 $/bbl และน้ำมันดิบ BRENT ลดลง 1.94 $/bbl (-3.9%) ปิดที่ 47.58 $/bbl หลัง EIA ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้และปีหน้าจาก 49.62 เป็น 49.23$/bbl และ 54.42 เป็น 53.57$/bbl ตามลำดับ
(0) จับตาหุ้นกลุ่มอสังหาและกลุ่มก่อสร้างน่าจะเป็นกลุ่มถัดไปที่จะได้ผลบวกจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางและยาว: ที่ขณะนี้กระทรวงการคมนาคมกำลังเร่งเสนอโครงการต่างๆ เข้าครม. ใน 1- 2 อาทิตย์ข้างหน้า TOP pick กลุ่มรับเหมา (STEC, CK) กลุ่มอสังหาฯ (SPALI, ANAN, PS)
(+) MCS : (IAA Consecus 12.90 บาท) – ได้ผลบวกจากเงินบาทอ่อน, Backlog สูงเป็นประวัติการณ์
MCS จะได้ประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน เพราะมีรายได้จากการส่งออกโครงสร้างเหล็กไปญี่ปุ่นคิดเป็น 90% ของรายได้รวม โดย QTD เงินบาทอ่อนค่าแล้ว 8% ส่งผล 3Q15 จะมีรายได้เมื่อแปลงเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยังมีกำไรพิเศษจากบันทึกกำไรอัตราแลกเปลี่ยน
มียอด Backlog สูงถึง 2 แสนตัน สามารถรองรับการเติบโตได้ไปจนถึงปี 2019 นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้งานเพิ่มจากการก่อสร้างสนามกีฬาโอลิมปิกในปี 2020 ที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพ
ฐานะการเงินแข็งแกร่งมาก มี D/E Ratio ต่ำเพียง 0.4 เท่า และยังมีเงินสดในมือสูงถึง 600 ล้านบาทคิดเป็นเงินสดต่อหุ้นประมาณ 1.20 บาท
Best Regards,
Songklod Wongchai
Analyst
Research Department