WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Buy on Dip

ตลาดหุ้นวานนี้:
      ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดบวกเด่นสู่แนว 1,390 จุด จากบรรยากาศรอบเอเชียที่เป็นบวก รวมถึงแรง Covered short ในหุ้นหลักอย่าง KTB / PTT / SCC ทำให้ SET INDEX สามารถยืนเหนือแนว 1,390 จุดได้เกือบตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันที่ 2 อีก 16.97 จุด มาอยู่ที่ 1,396.29 จุด มูลค่าการซื้อขายขยับขึ้นเป็น 46,003 ล้านบาท
      นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันที่ 6 อีก 1,438 ล้านบาท ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 15 เท่ากับ 2,608 ล้านบาท แต่ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 1,986 สัญญา

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประชุม BoE ซึ่ง Bloomberg consensus คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50%
รองนายกฯ ดร.สมคิด ให้นโยบายกับกระทรวงคมนาคม เร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่
การขึ้นเครื่องหมาย XD ของ PTT มูลค่า 6.00 บาท/หุ้น มีผลต่อ SET INDEX ราว 1.81 จุด
ผู้นำจีนยืนยัน จีนไม่ต้องการทำสงครามค่าเงิน

มุมมองต่อตลาด
      เรายังคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น "กลางถึงบวก" วันที่ 8 หลัง SET INDEX วานนี้ปิดยืนเหนือ 1,390 จุด ดีกว่าที่เราคาด และด้วยบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชีย และทั่วโลกที่เป็นบวก สะท้อนนักลงทุนทั่วโลกคาดว่าเฟดจะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. SET INDEX ฟื้นตัวในระลอกนี้ (แต่ไม่ใช่วันนี้) มีโอกาสที่จะทะลุ 1,400 จุด ขึ้นไปทดสอบ 1,420 จุด +/- ก่อนการประชุมเฟดปลายสัปดาห์หน้า ผลักดันด้วยกลุ่ม Domestic Play นำโดยกลุ่มธนาคารที่พักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว
      และเมื่อ SET INDEX และตลาดหุ้นทั่วโลกขยับขึ้นเด่นในช่วงนี้ หากผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ เป็นการคงอัตราดอกเบี้ย คาดว่าจะเกิด Sell on Fact แต่จะกดให้ SET INDEX หรือ ตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่ ปรับฐานลงไม่มากนัก เพราะการทำ Dollar Carry Trade / ราคาพันธบัตรทั่วโลก ทรงตัวดีขึ้น
     ขณะที่นักลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันภายในประเทศ ซื้อสุทธิ 26,207 ล้านบาท นับตั้งแต่ปรับครม. ประยุทธ์ 3 สะท้อนความเชื่อมั่นต่อทีมเศรษฐกิจ นำโดย รองนายกฯ ดร.สมคิด อีกทั้งทีมเศรษฐกิจ ต่างทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นตลอด 2 เดือน รวมถึงการเข้าหารือกับเจ้ากระทรวงด้านเศรษฐกิจของ รองนายกฯ ดร.สมคิด เชื่อว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เลื่อนการพิจารณามาอย่างต่อเนื่อง จะออกมาเป็นรูปธรรมในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังเข้าหารือกับเจ้ากระทรวง คมนาคม และได้มอบหมายนโยบายที่ชัดเจน สิ่งเหล่านี้ จะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนภายในประเทศดีขึ้น มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้น
     เราคาดว่า เมื่อโครงการลงทุนขนาดใหญ่สามารถผลักดันออกมาเป็นรูปธรรม และมีตารางการประมูลโครงการที่ชัดเจน ท่านรองนายกฯ และทีมเศรษฐกิจจะเริ่มเดินสายชี้แจงนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แด่นักลงทุนต่างชาติในระยะถัดไป ซึ่งแรงขายจากต่างชาติในช่วงนี้จึงไม่หนาแน่นเหมือนช่วงที่เกิด คสช. ช่วงกลางปีที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้ต่าง Wait&See เพื่อรอดูแผนของทีมเศรษฐกิจจากนี้ไป
ประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,380-1,400 จุด แรงกดดันจากบรรยากาศรอบเอเชีย อาจทำให้ SET INDEX ซึมตัวลง แต่ยังเป็นการแกว่งในกรอบ

กลยุทธ์การลงทุน
    ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง เมื่อ SET INDEX ซึมตัวลง และหุ้นเป้าหมายราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย โดยมุ่งเน้นหุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่ยังขึ้นช้ากว่าภาพรวมของกลุ่ม"

Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB


Accumulative Buy: TPIPL

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "สะสม" ได้แก่
1. TPIPL : ราคาปิด 2.50 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากจะได้ประโยชน์โดยตรงจากงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐใน 2H58 และจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2559
b) คาดว่าการผลักดันงานประมูลโครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นวาระถัดไปในการพิจารณาของครม.ภายในเดือน ก.ย. เพื่อผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ และเป็นนโยบายที่รัฐบาลสามารถใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยตรง
c) TPIPL มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และจะขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 หลังการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์อีก 4.5 ล้านต้นจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี 4Q58 หรือ 1Q58 และส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 ล้านตัน
d) คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบแล้วในกลางเดือนส.ค. น่าจะมาชดเชยกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ TPIPL แปลงหนี้สกุลเงินยูโร 163 ล้าน เป็นเงินบาท หลังออกหุ้นกู้สำเร็จ
e) Valuation ของ TPIPL ณ ปัจจุบันซื้อขาย PBV58 ต่ำ 1.0 เท่า เป็น 0.86 เท่า เทียบกับ SCC ที่ 2.89 เท่า และ SCCC ที่ 3.57 เท่า

 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
      ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ US$507 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$435 ล้าน
เป็นเน้นซื้อสุทธิ TAIEX อย่างหนาแน่น

 

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเริ่มกลับมาปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures
      นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีกเล็กน้อย 1,438 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ สุทธิ 8,291 ล้านบาท ทั้งนี้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงเกิน 9 หมื่นล้านบาทเป็นวันที่ 3 เท่ากับ 93,955 ล้านบาท
ขณะที่ SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 1,986 สัญญา เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิเท่ากับ 17,891 สัญญา น่าจะการกลับมาปิดปิดสถานะ Short อีกครั้ง เมื่อ SET50 Index กลับมายืนเหนือ 900 จุด ได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ S50U15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 7.47 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.45 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 40,841 สัญญา
      แต่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 15 อีก 2,608 ล้านบาท รวม 15 วันทำการ ขายสุทธิ 44,116 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยเริ่มทรงตัวมากขึ้น แม้ว่าผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 0.64bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 14.86bps ปิดที่ 3.014%

 

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 636 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 600 ล้านบาท

 

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นสะสม SCC / BBL / PTTEP
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 747 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 306 ล้านบาท สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลับมาซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 231 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 154 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 344 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 143 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 223 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 89 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 126 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือบราซิลเป็น Junk: เป็น BB+ และให้แนวโน้มเป็น "ลบ" พร้อมส่งสัญญาณอาจปรับลดความน่าเชื่อถือลงได้อีก สร้างแรงกดดันต่อทีมเศรษฐกิจของบราซิล

 

ยุโรป
ผลผลิตภาคอุตฯ อังกฤษ กลับชะลอตัว: เดือนมิ.ย. ผลผลิตลดลง 0.4% mom ขณะที่ Bloomberg consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% mom โดยภาคการผลิตลดลง 0.8% mom สวนทางกับที่ Bloomberg consensus คาดเพิ่มขึ้น 0.2% mom ส่วนผลผลิตน้ำมันและก๊าซ ลดลง 0.4% mom

จีน
ผู้นำจีนยืนยันไม่ต้องการทำสงครามค่าเงิน: นาย Li Keqiang กล่าวว่า จีนต้องการที่จะหลีกเลี่ยงสงครามค่าเงิน และยืนยันไม่ต้องการทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าเพื่อเร่งการส่งออก โดยค่าเงินหยวนจะอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล สมดุลย์ และการลดค่าเงินหยวนกลับไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจจะต้องมีเสถียรภาพและการจ้างงานจะอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล

 

เอเชียแปซิฟิก
ญี่ปุ่นเตรียมลดภาษีนิติบุคคลในปีหน้า: จากปัจจุบันที่ 35.0% โดยจะลดลงอย่างน้อย 3.3% จากอัตราปัจจุบัน โดยจะเริ่มในปี 2559 และพร้อมที่จะปรับลดลงเหลือ 20% ในหลายปีข้างหน้า เพื่อให้อัตราภาษีนิติบุคคลอยู่ในระดับที่แข่งขันกับประเทศอื่นๆ
คำสั่งซื้อเครื่องจักรญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด: เดือน ก.ค.ขยายตัว 2.8% yoy จากเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 16.6% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดเพิ่มขึ้น 10.3% yoy นอกจากนี้เป็นการหดตัว 3.6% mom สวนทางกับ Bloomberg Consensus คาด 3.0% mom ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการลงทุนภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มหดตัวใน 3Q58

 

ไทย
อุตตม หนุนประมูล 4G ใบละ 15MHz: รมว. ICT กล่าวว่า กระทรวงไอซีทีพร้อมจะช่วยบริษัท กสท โทรคมนาคม ทางด้านขั้นตอนของกฎหมาย และการแก้ไขสัญญาสัมปทานเพื่อนำเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในกรณีการคืนคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ที่ไม่ได้มีการใช้งานของ DTAC จำนวน 5 MHz ทั้งนี้ไอซีทีมีความเห็นว่าการประมูลคลื่น 1800 MHz สำหรับให้บริการ 4G ควรมีความถี่อย่างน้อยใบอนุญาตละ 15 MHz ดังนั้น จึงพร้อมจะสนับสนุนกสทในการทำเอกสารสำหรับคืนคลื่นความถี่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันการประมูลของ กสทช. ในวันที่ 11 พ.ย. เพราะแบนด์วิธกว้างขึ้นจะช่วยให้การใช้งานดีขึ้นและสามารถสร้างประโยชน์ได้มากขึ้น
สมคิด สั่งคมนาคม จัดลำดับความสำคัญ ดึงเอกชนลุยเมกะโปรเจค: นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายเร่งรัดผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม โดยขอให้เร่งจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาแต่ละโครงการให้มีความชัดเจนก่อนผลักดันตามแผน โดยการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ จะเน้นการลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศเชื่อมโยงตะวันออก-ตก เช่นการเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งกับทวาย-กรุงเทพฯ-มาบตาพุด ส่วนการเชื่อมโยงเหนือ-ใต้ เช่น รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ หรือการ เชื่อมโยงจากแม่สอด-มุกดาหาร เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงไปยังประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน โดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง เชื่อมต่อไปยัง อินเดีย-พม่า-และเวียดนาม รวมถึงจีน เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน นอกจากนั้นการลงทุนต้องสามารถเชื่อมต่อ นิคมอุตสาหกรรมสำคัญด้วยเช่น ท่าเรือ แหลมฉบังเล็งตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้การลงทุนจะต้องเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการของภาครัฐด้วยโดยการลงทุนในรูปแบบพีพีพี เพื่อลดงบประมาณในการลงทุนของภาครัฐ

 

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!