- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 September 2015 17:39
- Hits: 2096
บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Daily Strategy
ตลาดหุ้นวานนี้: SET บวก +0.65 จุด ปิดที่ 1,371.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ภาวะตลาดโดยรวมซบเซา ขาดปัจจัยใหม่หนุน ประกอบกับนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่เฟดประชุมในสัปดาห์หน้า นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 1,936 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 Net short TFEX 3,475 สัญญา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 และยังขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,439 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 12
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: ทิศทางตลาดวันนี้จะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือ 1) ตัวเลขส่งออกจีนเดือนส.ค ที่ตลาดคาดว่าจะติดลบ -6% หากแย่กว่านี้ก็จะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นทั้งภูมิภาค ในทางกลับกันหากดีกว่าคาดก็จะเป็นบวก และ 2) มาตรการช่วยเหลือ SME เข้าครม. อาจหนุนให้เกิดการเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าจะได้ผลบวกต่อกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภาวะตลาดหุ้นโดยรวมยังจะซบเซาต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงและรอผลประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย นี้
กลยุทธ์วันนี้: Selective BUY เน้น Domestic Plays ในกลุ่มธนาคาร
Trading วันนี้: KBANK KTB TMB (มีลูกค้า SME มากสุดและยังเป็นผู้ปล่อยกู้ด้วย), TRC (เป็นผู้รับเหมารายเดียวในไทยที่สามารถทำท่อก๊าซขนาดใหญ่ได้ – โดยจะได้ผลบวก หลัง กบง. เห็นชอบให้ปตท. ขยายท่อส่งก๊าซ 2 โครงการ มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท)
กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดี: พลังงานทดแทน (GUNKUL, EA) กลุ่ม Health care (BDMS) และสื่อสาร
High Div. Stock: ADVANC, TVO, INTUCH, BTS, BJCHI KSS report วันนี้: TMB (Upgarde to Neutral/เป้าใหม่ 2.50 บาท (เดิม 2)) – ปรับเพิ่มประมาณการ
หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้:
(+/-) วันนี้ตลาดคาดตัวเลขส่งออกจีนเดือนส.ค. จะยังติดลบ -6% เทียบกับติดลบ -8.3% ในเดือนก.ค 2015 หากเป็นไปตามตลาดคาด ไม่น่าจะมีผลต่อตลาดมากนัก แต่หากติดลบมากว่าคาดจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นทันที อย่างไรก็ดีตลาดมีมุมมองที่ดีขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีนหลังผู้ว่าธนาคารจีนระบุว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นจีนในช่วงที่ผ่านมาใกล้สิ้นสุดแล้ว และคาดว่าตลาดการเงินจะมีเสถียรภาพมากขึ้น
(+) คลังชง 5 มาตรการช่วยเหลือ SME ระยะแรกเข้าครม. วันนี้: คาดมาตรการทั้งหมดจะมีวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 5 มาตรการ คือ 1) โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2) ทบทวนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. และให้กรมสรรพากรยกร่างกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับ SME ใหม่ 3) ตั้งกองทุนร่วมทุนระหว่างธนาคารกรุงไทย ออมสินและSME 4) ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ SME เป็น 10% จาก 15% คาดรัฐจะสูญเสียรายได้ปีละ 5 พันล้านบาท 5) มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ เราคาดว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยให้ลูกหนี้ของธนาคารมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นและไม่ทำให้เกิด NPL เพิ่ม ซึ่งธนาคาร KBANK และ KTB น่าจะได้รับผลบวกเพราะมีลูกค้าที่เป็น SME มากที่สุดในระบบ
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง : เชื่อสาเหตุหลักมาจากความกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 16-17 ก.ย นี้ และค่าเงิน US$/EU กลับมาแข็งค่า ทำให้ค่าเงินภูมิภาคอ่อนค่าตามไปด้วย นอกจากนี้ค่าเงินหลายประเทศในเอเชียร่วงอย่างหนักอย่างเช่น ริงกิตมาเลเชียแตะระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี ค่าเงินรูเปียอินโดก็อ่อนค่าหลังทุนสำรองต่างประเทศลดลงมาก
(-) วานนี้ตลาดน้ำมันดิบสหรัฐปิดทำการเนื่องในวัน Labor Day ส่วนตลาดน้ำมันดิบ BRENT เปิดทำการปกติโดยลดลง 1.98$/bbl (-4%) ปิดที่ 47.63$/bbl นักลงทุนยังคงกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และยังถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ
(+) BECL : แนะนำ ทยอยสะสม – ตาม Swap Rotio พบว่า BECL จะได้หุ้นใหม่ที่ถูกกว่า BMCL อยู่ 4%
§ เราแนะนำ ทยอยสะสม BECL เพราะคาดกระบวนการควบรวมระหว่าง BECL และ BMCL จะเสร็จสิ้นได้ทันในปีนี้ เร็วกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเสร็จในช่วง 2Q16 ช่วยเพิ่มแรงเก็งกำไรมากขึ้น
§ หากคำนวณจาก Swap ratio ที่ 20.58 หุ้น BMCL ต่อ 1 หุ้น BECL เรามองว่า ณ ราคาปัจจุบันซื้อหุ้น BECL จะได้หุ้นใหม่ที่ถูกกว่าซื้อหุ้น BMCL อยู่ 4%
§ คาดกำไร 3Q15 จะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด เนื่องจากมีกำไรพิเศษราว 1,000 ล้านบาท จากการขายหุ้น BMCL ให้กับ CK จำนวน 2,050 ล้านหุ้นที่ราคา 1.79 บาท (ราคาทุน 1.14 บาท)
Best Regards, Songklod Wongchai
Analyst Research Department