- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 07 September 2015 17:13
- Hits: 1752
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET พักตัวช่วงสั้นก่อนลุ้นขึ้นใหม่ ดังนั้นอ่อนตัวทยอยซื้อ!
กลยุทธ์ : คาดว่า SET อยู่ระหว่างปรับพักตัวช่วงสั้น หลังขยับขึ้นมาพอควรแล้ว แต่ FSS คาดว่ากรอบลบจำกัด และยังลุ้นกลับไปขยับบวกต่อเนื่องอีกครั้งในช่วงถัดไป ดังนั้นเรายังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : STAR, SOLAR, BJCHI(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET กลับมาปรับพักตัวย้อนลบภายในกรอบแกว่งของสัปดาห์ที่แล้วอีกครั้ง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลงเพื่อรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในช่วงค่ำ ซึ่งบ้านเรายังมีประเด็นเรื่องการโหวตรับ/ไม่รับร่าง รธน.ฉบับใหม่ในช่วงสุดสัปดาห์ด้วย โดยผลออกมาว่า สปช.ยังไม่ผ่านร่าง รธน.ฉบับใหม่ ทำให้กระบวนการร่าง รธน. ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ในช่วง 180 วันข้างหน้าอีกครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ก็ยังมีจังหวะปรับตัวลงต่ออีก หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อท้ายสัปดาห์ที่แล้วยังปิดปรับตัวลงแรงพอควร เนื่องจากข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือน ส.ค. ไม่ได้ทำให้มีความชัดเจนว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่ากรอบการปรับลงของ SET น่าจะไม่ลึกมากนัก และยังมีลุ้นโอกาสกลับไปแกว่งบวกต่อได้อีก เพราะแม้ว่าร่าง รธน.ยังไม่ผ่าน ทำให้การเลือกตั้งครั้งใหม่อาจต้องล่าช้า แต่การเร่งดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบันก็ยังพอจะช่วยสร้างความมั่นใจได้บ้าง นอกจากนี้ตัวเลขจ้างงานฯ ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดการณ์ ก็น่าจะยังทำให้นักลงทุนมีความหวังกับการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งนี้(16-17 ก.ย.) ได้
แนวรับ 1367-1365 , 1360-1355 จุด
แนวต้าน 1375-1380 , 1385-1388 จุด
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$252ล้าน มากที่สุดในสัปดาห์ นำโดยไต้หวัน US$127.2 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$81.2ล้าน และไทย US$35.3ล้าน ไหลเข้าเวียดนามประเทศเดียว US$1.6ล้าน สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินทุนไหลออก US$768ล้าน ชะลอลงมากจากราว US$3พันล้าน นักลงทุนยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก แนวโน้มกระแสเงินทุนยังมีทิศทางไหลออก ตลาดกลับมากังวลความไม่ชัดเจนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ตลาดแรงงานของสหรัฐยังแกร่ง แม้ว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 173,000 ราย (ตลาดคาด 220,000 ราย) แต่การปรับตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ค. ขึ้น และอัตราการว่างงานที่ลดเหลือ 5.1% ต่ำสุดในรอบ 7 ปี และค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น สะท้อนว่าตลาดแรงงานยังแกร่ง ทำให้ตลาดวิตกว่าตัวเลขเหล่านี้อาจหนุนให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 16-17 ก.ย. ดาวโจนส์จึงปรับลง 272 จุด น้ำมันร่วง US$70 วันนี้ตลาดยังจับตาตลาดหุ้นจีนที่กลับมาเปิดเทรดอีกครั้ง
(0) สปช.ลงมติไม่รับร่างรธน. ด้วยเสียง 135 เสียง รับร่างฯ 105 เสียง และงดออกเสียง 7 เสียง ขั้นตอนต่อไปคือตั้งคณะกรรมการยกร่างรธน. (กมธ.) 21 คนใหม่ใน 30 วัน (ก.ย.-ต.ค.) เพื่อร่างรธน.ภายใน 180 วัน (ต.ค. 2015-เม.ย. 2016) หลังจากนั้นทำประชามติภายใน 30 วัน (เม.ย.-ก.ค. 2016) หากประชามติไม่ผ่าน กลับไปเริ่มตั้งกมธ.ใหม่ แต่หากผ่าน คาดว่าใช้เวลาอีกประมาณ 3 เดือนในการออกกม.ประกอบ รธน.หรือกม.ลูก (ก.ค.-ต.ค. 2016) หลังจากนั้นจึงจัดเตรียมการเลือกตั้งอีก 3 เดือนจึงเลือกตั้งได้อย่างเร็ว ม.ค.-ก.พ. 2017 การเลือกตั้งที่ล่าช้าออกไปอาจเป็นข้ออ้างที่ Flow จากต่างชาติไม่ไหลเข้า แต่หากเศรษฐกิจที่ไม่กระเตื้องก็จูงใจให้ flow ไหลเข้าอยู่ดี
(-) ปัจจัยต่างประเทศมีน้ำหนักต่อตลาดมากกว่าผลโหวตของสปช. หากผลโหวตของสปช.จะกระทบตลาดหุ้นไทย ก็เชื่อว่าเป็นเพียงระยะสั้นๆ สิ่งที่ตลาดต้องการเห็นคือความคืบหน้าด้านเศรษฐกิจมากกว่า และการที่รัฐบาลได้อยู่ต่ออีกระยะก็น่าจะทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่งออกไป มีการสานต่อและมีมาตรการอื่นๆออกมาต่อเนื่อง หุ้นกลุ่มค้าปลีกและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยยังน่าจับตา เช่น GLOBAL, CPALL, ROBINS, SINGER, THANI, TK, MTLS รวมถึงกลุ่มรับเหมาและธนาคารที่จะได้ประโยชน์ในลำดับถัดไป
(0) กลุ่ม Media ถ่วงตลาดมากสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากข่าวที่สนช.จะออกกฎหมายคุมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยราชการผ่านสื่อต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาคอร์รัปชั่น หากมีผลจริงในทางปฏิบัติ เราคิดว่า MCOT มีความเสี่ยงมากสุดเพราะมีรายได้จากภาครัฐ 10-20% ของรายได้รวม ขณะที่สื่อทีวีภาคเอกชนอื่นๆ มีรายได้ที่มาจากภาครัฐน้อยมาก ส่วนสื่อนอกบ้านแทบไม่กระทบ ไม่ว่าจะเป็น VGI, MACO, PLANB เพราะมีรายได้จากหน่วยงานราชการ 0.5-2% ของรายได้รวม สำหรับกุ้นในกลุ่มนี้ เรายังคงชอบ PLANB (เป้าหมาย 6.60 บาท) การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการซื้อใหม่
(-) MONO เราปรับประมาณการปีนี้ลงอีกครั้งเป็นขาดทุนมากขึ้น เพราะผลประกอบการ 1H15 ขาดทุนหนักกว่าคาด จากต้นทุนค่าซื้อ Content หนังและซีรีย์ที่สูงขึ้นมาก เพื่อแลกกับ Rating ที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่คุ้มกับรายได้ เราคาดปีนี้ขาดทุนสุทธิ 383 ล้านบาท และปีหน้าขาดทุนลดลงเป็น 138 ล้านบาท และพพลิกเป็นกำไรได้ในปี 2017 จำนวน 49 ล้านบาท เราปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 2.50 บาท (DCF) จากเดิม 3.60 บาท ลดคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมหลีกเลี่ยง
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดลบเฉลี่ยกว่า 1% จากความไม่แน่นอนในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ชะลอยังกดดันตลาด
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาร่วงแรงเช่นกันหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ประกาศออกมาทำให้เกิดความไม่แน่นอนสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมกลางเดือนนี้
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบค่อนมาในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากความไม่แน่นอนในการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
(-) ค่าเงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.90-36.00 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 46.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค. ออกมาต่ำผิดคาด แต่อัตราการว่างงานยังลดลง
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,121.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด ทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่า FED จะยังขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้หรือไม่
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 ก.ย. - สหรัฐ: ตลาดการเงินปิดทำการ เนื่องในวัน Labor Day
8 ก.ย. - จีน: ดุลการค้า (ส.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2Q15 GDP
- ยูโรโซน: 2Q15 GDP
10 ก.ย. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.), ยอดสินเชื่อใหม่ (ส.ค.)
11 ก.ย. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
13 ก.ย. - จีน: Industrial Production, Retail sales (ส.ค.)
14 ก.ย. - ยูโรโซน: Industrial Production (ก.ค.)
15 ก.ย. - สหรัฐ: Retail sales (ส.ค.)
16-17 ก.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
16 ก.ย. - ไทย: กนง.ประชุม
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการ
17 ก.ย. - ตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการ
24 ก.ย. - ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการ
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research