WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Buy on Weakness

ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา เกิดแรงขายทำกำไรระยะสัปดาห์เข้ามามากขึ้น อีกทั้งบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรปเกิดปรับฐานลงเล็กน้อย จากความกังวลต่อโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนก.ย. กดดันหุ้นหลักที่ขึ้นมาเด่นก่อนหน้าอย่าง ADVANC / BH / SCC ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ปิดที่ 1,370.75 จุด ลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 12.73 จุด มูลค่าการซื้อขา 34,134 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติน่าสนใจต่อเนื่อง คงการขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันเป็นวันที่ 3 ด้วยการขายสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันที่ 3 อีก 1,266 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 มากถึง 10,406 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 12 เล็กน้อย 1,131 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ตลาดหุ้นจีนเปิดทำการวันแรก หลังหยุดทำการ 2 วันก่อนหน้า
ผลการลงคะแนนรับรองร่างรัฐธรรมนูญ ของสนช. ไม่รับร่างฯ การเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีก 6 เดือนจากตารางเดิม
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด แต่อัตราการว่างงานกลับลดลงเป็นเดือนที่ 2
คาดกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ SME และ อสังหาฯ อาจเด่น เพื่อเก็งกำไรต่อมาตรการช่วยเหลือจากทีมเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้น / ตลาดตราสารหนี้ ของสหรัฐฯ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันแรงงาน

มุมมองต่อตลาด
เรายังคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น "กลางถึงบวก" วันที่ 5 แม้ว่าบรรยากาศรอบเอเชียวันนี้จะยังถูกกดดันจากความเสี่ยงเศรษฐกิจจีนที่อาจเติบโตไม่ถึง 7.0% ตามเป้าหมายทางการที่วางไว้ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในวันที่ 17 ก.ย. แม้ว่า Bloomberg consensus ประเมินโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ต่ำเพียง 30% แต่ความเห็นของประธานเฟดบางท่านยังคงส่งสัญญาณการพร้อมขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้
ขณะที่การลงคะแนนเสียงของ สปช. ต่อร่างรัฐธรรมนูญวานนี้ สรุป ไม่เห็นชอบร่างฯ 135 เสียง
การจัดตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 21 คน ภายใน 30 วัน และร่างรธน.ให้เสร็จภายใน 180 วัน
การเลือกตั้งทั่วไป เลื่อนไปเป็น 1Q60
แรงกดดันต่อการทำงานของ คสช. และ รัฐบาล มากขึ้นในแง่ของการเมือง อย่างไรก็ตาม ทีมเศรษฐกิจจะต้องเร่งทำงาน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา
ด้วยปัจจัยภายในและต่างประเทศ เราประเมินว่า SET INDEX ยังมีแนวโน้มซึมตัวลงสู่แนวรับ 1,350-1,360 จุด หุ้นหลักอาจเผชิญกับแรงขายต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมัน / โรงกลั่น / ปิโตรเคมี เพราะถูกแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ซึมตัวลงอีกครั้ง
แต่ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนตลาดหุ้นไทย ทั้งในแง่ของ Valuation และ แรงขายจากต่างชาติที่ชะลอตัวนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่า Downside risk ของตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นนี้จำกัด สถาบันภายในประเทศทั้งในและต่างประเทศ ต่างรอดูผลของการทำงานจากทีมเศรษฐกิจ นำโดย ดร.สมคิด เร่งออกมาตรการช่วงสั้นมาช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นภายในประเทศให้กลับมา เพื่อให้บรรยากาศการบริโภค และการลงทุนภายในประเทศกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งสัญญาณการบริโภคของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เริ่มฟื้นตัวบ้างแล้วในเขตต่างจังหวัด

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรรอบสั้น อาจพิจารณาซื้อหุ้นเป้าหมายมากขึ้น บริเวณ 1,350 จุด +/-"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB


Speculative Buy: TMB

 

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. TMB : ราคาปิด 2.40 บาท ราคาเหมาะสม 2.32 บาท
a) MBKET ประเมินว่าหุ้น TMB จะได้ประโยชน์โดยตรง จากมาตรการช่วยเหลือ SME ซึ่งรัฐมนตรีคลังจะเสนอให้ครม.พิจารณาในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อจากธุรกิจ SME อยู่ในระดับสูง
b) และกลุ่มธนาคารได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ 4Q58 เป็นต้นไป จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องใน 3Q58
c) ดังนั้น แม้ราคาปิดล่าสุดจะมี Upside ค่อนข้างจำกัดจากราคาเหมาะสม แต่เชื่อว่าสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้
d) ทางเทคนิค มีแนวต้านที่บริเวณ 2.50 บาท และหากปรับตัวผ่านได้จะมีโอกาสขึ้นทดสอบบริเวณ 2.60 บาท
e) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +33.1% yoy เป็น 10,512 ล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่กำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโต +21.7% yoy ในปี 2559

 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาขายสุทธิอีกครั้ง US$171 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$21 ล้าน

 

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่2
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 1,266 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 3,767 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิสูงเกิน 8 หมื่นล้านบาท เป็น 89,431 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 มากถึง 10,406 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิมากถึง 11,297 สัญญา น่าจะการเร่งเปิดสถานะ Short มากขึ้น หลัง SET50 Index กลับมาหลุดแนว 900 จุดอีกครั้ง โดย S50U15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าที่ 8.64 จุด จากวันก่อนหน้าที่ Discount เท่ากับ 8.36 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 36,233 สัญญา
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 12 ชะลอตัวลงเหลือ 1,131 ล้านบาท รวม 12 วันทำการ ขายสุทธิ 36,918 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เล็กน้อย 0.05bps จากวันก่อนหน้าลดลง 1.30bps ปิดที่ 2.848%

 

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็น 677 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 383 ล้านบาท

 

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 เน้นเป็นรายตัวเช่นเดียวกับวันก่อนหน้า
การซื้อขายผ่าน NVDR ยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 อีกเล็กน้อย 257 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 186 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ซื้อสุทธิ 4,863 ล้านบาท โดยเป็นการเลือกลงทุนเป็นรายตัวเหมือนกับวันก่อนหน้า สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 156 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 114 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 130 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 247 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มธนาคาร กลับมาถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง แต่ก็เพียง 180 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 222 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 84 ล้านบาท

 

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

 

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด
ยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือนส.ค. เท่ากับ 1.73 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 2.23 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้าที่ 2.45 แสนตำแหน่ง
ยอดการจ้างงานภาคเอกชน เดือนส.ค. เท่ากับ 1.40 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 2.11 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้าที่ 2.24 แสนตำแหน่ง
อัตราการว่างงานเดือนส.ค. กลับลดลงเป็น 5.1% ดีกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 5.2% และเดือนก่อนหน้าที่ 5.3% เป็นการลดลงเดือนที่ 2 และต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551

ยุโรป
ไม่มี

จีน
ผู้ว่าการแบงก์ชาติจีน ยืนยันประเทศ G-20 ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีน: เป็นการย้ำถึงประเด็นนี้เป็นครั้งที่ 3 ในการประชุม G-20 ถึงเศรษฐกิจจีนที่เติบโตชะลอตัว และความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก
ผู้ว่าการแบงก์ชาติจีน ยืนยันความผันผวนตลาดหุ้นจีนใกล้ถึงจุดต่ำสุด: หลังรัฐบาลจีนได้เข้าไปแทรกแซงตลาดหุ้นจีนไม่ให้ตกลงแรงแบบ "Free Fall" เพื่อให้ตลาดหุ้นไทยกลับสู่ภาวะปกติ และเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนนั้นไม่ควรจะมีความเสี่ยงของระบบ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน เชื่อว่าจะใกล้เข้าสู่จุดสมดุลย์ แรงกดดันต่อจิตวิทยาการลงทุนจะปรับตัวดีขึ้น
รมว.คลังจีน เศรษฐกิจจีนเติบโต 7% เป็นระดับที่เหมาะสม: ประเมินว่าตลาดเงินจะมีเสถียรภาพ และค่าเงินหยวนจะไม่ถูกลดค่าเงินในระยะยาว ขณะที่นโยบายการคลังจะใช้จ่ายให้เร็วมากขึ้นกว่าที่คาดในปีนี้ โดยเร่งที่จะใช้จ่ายให้มากขึ้น 10% ในปีนี้ มากกว่าแผนที่วางไว้ต้นปีที่ 7% เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตที่ 7% ตามที่แผนที่วางไว้ต้นปี และคงในระดับดังกล่าวไปอีก 4-5 ปี

 

เอเชียแปซิฟิก
ยอดส่งออกมาเลเซียขยายตัวเป็นเดือนที่ 2: เพิ่มขึ้น 3.5% yoy ในเดือน ก.ค. ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +5.0% yoy แต่ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด 3.2% yoy นำโดยการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักร ขณะที่ปิโตรเลียมยังหดตัวต่อ ทั้งนี้การส่งออกไปยังจีน, สหรัฐฯและญี่ปุ่นขยายตัว ด้านยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 5.9% yoy ทำให้ดุลการค้าเกินดุลอยู่ที่ 2.38 พันล้านริงกิต ลดลงจากเดือนก่อนที่ 7.98 พันล้านริงกิต
อัตราเงินเฟ้อฟิลิปปินส์ชะลอตัวลง: เพิ่มขึ้น 0.6% yoy ในเดือน ส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.8% yoy ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาด 0.7% yoy ทั้งนี้ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 1.2% yoy ขณะที่ราคาสาธารณูปโภคและขนส่งลดลง 1.7% yoy และ 0.6% yoy ตามลำดับ

 

ไทย
ไม่มี

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!