WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +23.38, NASDAQ -16.48, S&P +2.27, FTSE +110.79, CAC +98.87 และ DAX +269.79 ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาดี (1) ตัวเลขการขาดดุลการค้า – กค. ลดลง 7.4%MoM อยู่ที่ 4.186 หมื่นล้านUSDจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศสำหรับรถยนต์และสินค้าด้านอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และ (2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นสุดท้ายสำหรับภาคบริการ – สค. อยู่ที่ 56.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่พค. ที่ผ่านมา โดยตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวอย่างแข็งแกร่งใน 3Q/58 รวมถึงปัจจัยบวกจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า ECB พร้อมเพิ่มการอัดฉีดเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.1 ล้านล้านยูโร (1.2 ล้านล้านดอลลาร์) เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อให้ฟื้นตัวจากระดับต่ำไปสู่เป้าหมายที่ระดับใกล้ 2% และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามความคาดหมาย
  .....อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกจำกัด จากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุดที่เพิ่มขึ้น 12,000 ราย อยู่ที่ 282,000 ราย และเป็นระดับสูงสุดนับแต่ต้นเดือนกค. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 26 ติดต่อกัน คาดยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานคงแข็งแกร่ง ขณะที่อยู่ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - สค. (ในวันนี้) ซึ่งคาดจะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 215,000 ตำแหน่ง เมื่อกค. และคาดอัตราการว่างงาน อยู่ที่ 5.2% ลดลงจาก 5.3% เมื่อกค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี เพื่อประเมินความชัดเจนระยะเวลาที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  .....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. +US$0.50 อยู่ที่ US$46.75 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยหนุนจากประเด็นข้างต้น
  ......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$9.1 อยู่ที่ US$1,124.5 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ส่วนใหญ่ออกมาดี
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,648 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -88,165 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)

 

ทิศทางตลาด :
  ทิศทางตลาด : ผันผวน? โดยคาดมีโอกาสปรับลดลง ตามตลาดในภูมิภาคเช้านี้ ที่คาดอยู่ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - สค. (ในวันศุกร์นี้) ของสหรัฐฯ ที่คาดจะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง และคาดอัตราการว่างงาน อยู่ที่ 5.2% ลดลงจาก 5.3% เมื่อกค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี และคาดเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (กย. หรือ ธค.)
  ....ขณะที่คาดในภาพรวมยังมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว อาจส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ที่เป็นคู่ค้า อย่างไรก็ตามจีนพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการผ่อนคลาย ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ


  .....ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยลบจาก Fund Flow หลังล่าสุดต่างชาติขายสุทธิ อีกกว่า 1,600 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดขายสุทธิสะสม เพิ่มขึ้นเป็น 88,165 ล้านบาท แต่ (+) ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของครม. ชุดใหม่ คาดตลาดฯ สะท้อนไประดับหนึ่ง และคาดต้องใช้ระยะเวลา 2 – 3 เดือน ที่มีจะเม็ดเงินใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตามแนะจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ที่คาดในครั้งนี้เน้นกลุ่มธุรกิจ SME โดยคาดจะมีการนำเข้าครม. ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดเป็นSentiment บวกต่อภาพรวมตลาดฯ ในระยะสั้น – กลาง ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยวเริ่มมีแนวโน้มทรงตัวได้และเป็นโอกาสในการสะสมหุ้น เช่น กลุ่มโรงแรม (CENTEL) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, BA) เป็นต้น


  ...รวมถึงยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, STEC, TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.86 – 35.88 คาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก และ (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO และ VNG เป็นต้น
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 2.17% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.48 มาอยู่ที่ 25.61
  หุ้นแนะนำ : KTB

 

ประเด็นที่ต้องติดตาม (4 กย.’58)
  4/9/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - สค.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!