WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

"เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อเหนือ SMA10"
+ หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : Performance ของตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ดีกว่าคาด และปรับตัวดีกว่าภูมิภาคด้วย โดยปิดเพิ่มขึ้น10.06 จุด ที่ 1372.45 นำโดยหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ และหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการลงทุนและการบริโภคที่ทยอยฟื้นตัวอย่างไรก็ตาม การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเพราะแรงขายทำกำไรที่สลับออกมา นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติขายสุทธิพอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ
       Sentiment ตลาดวันนี้ค่อนไปทางบวก แต่อาจมีการแกว่งตัวจากแรงขายทำกำไรที่สลับออกมา ปัจจัยหนุนคือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ขณะที่ทางการจีนพยายามใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทำให้ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวผ่อนคลายลง ปัจจัยภายนอกที่จับตา คือ ตัวเลขจ้างานนอกภาคเกษตร & อัตราการว่างงานเดือนส.ค.ของสหรัฐที่จะออกมาศุกร์นี้ ซึ่งส่วนนี้จะมีผลต่อกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ส่วนในประเทศ ยังมีความหวังกับการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจที่มาจากการใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนและภาคท่องเที่ยว (แต่ภาคส่งออกยังซบเซาและต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว) แนะนำเลือกซื้อหุ้นที่เป็น Domestic Play สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น WORK
       การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวก แต่ก็พร้อมเปลี่ยนเป็นลบ การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1380-1390,1400 จุด การอ่อนตัวจนหลุด 1355 จุดให้ Wait & See หรือลดพอร์ตตาม สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้แก่ KBANK, ITD, PTG, THANI, CENTEL, WORK, M, BIGC


Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ยูโรโซน & EU : ดัชนี PPI เดือนก.ค.58 ลดลง MoM ต่อ โดยของยูโรโซนร่วงลง 0.1%MoM และ EU ลดลง 0.2%MoM ซึ่งมาจากราคาพลังงานที่ลดลง ขณะที่ดัชนี PPI ของราคาสินค้าทุนและสินค้าคงทนขยับขึ้น และเมื่อเทียบปีต่อปีพบว่า ดัชนี PPI ของยูโรโซนลดลง2.1%YoY และของ EU ลดลง 2.7%YoY
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 0.4%MoM ในเดือนก.ค.58 หนุนโดยอุปสงค์รถยนต์ ซึ่งเป็นการเพิ่มเดือนที่ 2 จากมิ.ย.ที่บวกขึ้น 2.2%MoM นับว่ากลุ่มยานยนต์และภาคขนส่งมีการฟื้นตัวดีด้านกิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กเดือนส.ค.58 ขยายตัวอัตราต่ำสุดในรอบ 5 เดือน แม้การจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่วนดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กลดลงเป็น 51.1
+ สหรัฐ : ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 3.3%QoQ ในไตรมาส 2/58 (ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้) โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/56 เพราะได้แรงหนุนจากผลผลิตและจำนวนชั่วโมงทำงานที่เพิ่มขึ้น ส่วนต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 1.7%QoQ แต่ลดลง 1.4%YoY
+ สหรัฐ : จับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.58ทั้งนี้ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 201,000 ราย ส่วนผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรส.ค.จะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง จากที่เพิ่ม 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2% จากระดับ5.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ความเชื่อมั่นที่ปรึกษาทางการเงินต่อตลาดหุ้นสหรัฐลดลงในสัปดาห์ก่อน ผลการสำรวจ InvestorsIntelligence (II) พบว่าความเชื่อมั่นของที่ปรึกษาทางการเงินต่อตลาดหุ้นสหรัฐลดลงเป็น 27.8% ในสัปดาห์ที่แล้วจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน (จาก 31.6% ในสัปดาห์ก่อนหน้า) ส่วนผู้ไม่เชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจาก 22.5% เป็น 26.8% ส่วนผู้ที่คาดว่าตลาดหุ้นจะมีการปรับฐานมีเท่ากับ 45.4%
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น โดยดัชนี DJIA ปิด +293.03 จุด โดยปรับขึ้นตั้งแต่เปิดทำการจากการกลับเข้ามาซื้อเก็งกำไรหลังข่าวลบเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและโลกสะท้อนเข้ามาในตลาดไปพอควรแล้ว รวมถึงมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีด้วย
+ ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ โดยสัญญา WTI ส่งมอบต.ค.เพิ่มขึ้น 84เซนต์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ปิดที่ 50.5 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาทองคำลดลง สัญญา COMEX ปิด -6.2 ดอลลาร์ ปิดที่1,133.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาด

 

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ การใช้จ่ายภาคเอกชนและภาครัฐกระเตื้องขึ้นตั้งแต่ 2Q58 โดยเราเห็นตัวเลขการใช้จ่ายภาคเอกชนเพิ่มขึ้นใน 2Q58 โดยเพิ่ม 9 หมื่นล้านบาทจาก 1Q58 เป็น 1.76 ล้านล้านบาท (ใน 3Q-4Q57 การใช้จ่ายลดลงเมื่อเทียบ QoQ ราว 5.2 และ 3.6 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ) ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น 6.2 หมื่นล้านบาทใน 2Q58 จากไตรมาสก่อนหน้าเป็น 5.92 แสนล้านบาท ซึ่งฟื้นขึ้นจาก 3Q-4Q57 ที่ลดลง 7.1 และ2.4 หมื่นล้านบาทเทียบ QoQ ตามลำดับ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในWealth Perspective ก.ย.58 ทาง Email หรือ Intranet) เราคาดว่าหลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอีก 1.3 แสนล้านบาทเข้ามา ก็จะทำให้การใช้จ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนขยับตัวดีขึ้นต่อใน 2H58 ซึ่งตัวเลขมหภาคที่ดีขึ้นดังกล่าวข้างต้น เป็นบวกกับกลุ่มพาณิชย์, สื่อ &สื่อสาร, รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, ธนาคารพาณิชย์ แต่ราคาหุ้นได้สะท้อนไปบ้างแล้ว การลงทุนจึงควรเลือกซื้อเป็นรายบริษัท


- ภาคส่งออกซบเซา...แม้เงินบาทใน 2Q58 จะมีการอ่อนค่าลงแต่มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทยังคงอ่อนแอ โดยลดลงต่อ 5.7หมื่นล้านบาทใน 2Q58 เมื่อเทียบ QoQ จากที่ลดลง 1.31 แสนล้านบาทใน 1Q58 เมื่อเทียบกับ 4Q57 แสดงให้เห็นว่าเงินบาทที่อ่อนยังไม่สามารถเอาชนะการชะลอตัวของกำลังซื้อในตลาดโลกและปัญหาเชิงโครงสร้างในบางอุตสาหกรรมส่งออกของไทย ประเมินว่าภาคส่งออกยังไม่สดใสใน 2H58 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว


+ WORK (ราคาปิด 41 บาท) : เรทติ้งรายการดี ปรับขึ้นค่าโฆษณาได้ & ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจภายในที่จะกระเตื้องขึ้นทั้งนี้ WORK จะปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาได้อีกเพราะเรทติ้งของบริษัทเพิ่ม (ครึ่งแรกของเดือนส.ค.อยู่ที่ 1.02 จากเดือนก.ค.ที่ 0.88) หลังปรับเปลี่ยนรายการในช่วง Prime Time บริษัทคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาใน 3Q58 ได้อีกประมาณ 3,000 บาท/นาทีเป็น 3.5-3.6หมื่นบาท/นาที และเพิ่มเป็น 50,000 บาท/นาทีในปี 59 นักวิเคราะห์พื้นฐานในตลาดให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยไว้ที่ 46.3 บาท สำหรับการซื้อเก็งกำไรช่วงสั้น ทางเทคนิคให้แนวต้านระยะสั้นไว้เท่ากับ 43-44 บาท


+ BIGC (ราคาปิด 197.50 บาท) : ปรับตัวได้ดีในช่วงเศรษฐกิจซบเซา...คาดธุรกิจจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นในระยะต่อไป ทั้งนี้ใน
2Q58 ยอดขายในสาขาเดิมของบริษัทยังหดตัว 1.8%YoY และ 1H58หดตัว 1.1%YoY เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาทำให้การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง แต่บริษัทบริหารด้านการเช่าได้ดี ทำให้มีรายได้ค่าเช่าเข้ามาเพิ่ม โดย 1H58 รายได้ส่วนนี้บวกขึ้นเกือบ 5%YoY
นอกจากนั้นยังพยายามลดค่าใช้จ่ายลง ยังผลให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 5.1% ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปีของบริษัท คาดว่าผลประกอบการจะค่อยๆ กระเตื้องขึ้นในระยะต่อไปตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ นักวิเคราะห์พื้นฐานในตลาดให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยไว้ที่ 221 บาท สำหรับการซื้อเก็งกำไรช่วงสั้น ทางเทคนิคให้แนวต้านไว้ที่200-205, 210 บาท


นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected] 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!