- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 03 September 2015 16:40
- Hits: 1296
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังผันผวนได้ แต่ภาพใหญ่ลุ้นบวกต่อ ดังนั้นอ่อนตัวซื้อ!
กลยุทธ์ : คาด SET ยังมีสิทธิแกว่งตัวผันผวนและอาจจะย้อนลบให้เห็นได้อีก แต่ FSS เชื่อว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นโลก รวมถึง SET น่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว ดังนั้นถ้าเทรดดิ้งตามรอบก็สามารถแบ่งขายช่วงบวกเพื่อรอซื้อกลับช่วงลบ ขณะที่ส่วนลงทุนแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมต่อได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : WORK, SAMART, KCE(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ปรับตัวลงต่อ ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้มีจังหวะรีบาวด์มาแกว่งตัวด้านบวกได้อีกครั้ง แต่ก็ยังเป็นการแกว่งอยู่ภายในกรอบเดิมที่เป็นมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก หลังตัวเลข PMI ของจีนและสหรัฐออกมาไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดหุ้นไทยที่เริ่มดูแข็งแรงกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคพอควร คาดว่าเนื่องมาจากบ้านเรายังมีลุ้นเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ชุดใหม่ ที่ทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะที่เช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศก็กลับมาสดใสมากขึ้นด้วย หลังเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดบวกได้ดี เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด(Beige Book) ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวได้ดี ซึ่ง FSS คาดว่าน่าจะทำให้ SET มีจังหวะแกว่งบวกต่อได้ แต่แนวโน้มที่ดัชนีจะยังแกว่งผันผวนและย้อนลบยังมีความเป็นไปได้ โดยนักลงทุนบางส่วนอาจจะขายทำกำไรช่วงบวกบ้าง เพื่อรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนพรุ่งนี้(4 ก.ย.) อีกครั้ง หลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนออกมาเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
แนวรับ 1370-1365 , 1358-1352 จุด
แนวต้าน 1375-1376 , 1380-1388 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$159 ล้าน นอกเหนือจากไต้หวันที่ซื้อเพียง US$5 ล้าน นอกนั้นเม็ดเงินไหลจากทุกประเทศ มีเกาหลีใต้ US$55 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$42 ล้าน อินโดนีเซีย US$39 ล้าน และไทย US$28 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนอาจกลับมาไหลเข้าหลังความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐผ่อนคลายไปในระยะสั้น
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ดาวโจนส์กลับมาบวกแรง การจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มแต่น้อยกว่าคาดทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า Fed อาจเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ย ขณะเดียวกันรายงาน Beige Book ทั้ง 12 เขตระบุเศรษฐกิจขยายตัวดี ดอลลาร์กลับมาแข็งค่า และน้ำมันกลับมาบวก หนุนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้สดใส
(0) จับตาการโหวตรับ/ไม่รับร่างรธน.เสาร์นี้ สปช.เกือบ 200 คนจะลงมติรับหรือไม่รับร่างรธน.เสาร์นี้ ซึ่งจะทำให้เราเห็นกรอบการเลือกตั้งว่าเป็นเมื่อใด หากสปช.ไม่รับร่างฯ จะสิ้นสุดวาระทันทีและกลับไปเริ่มกระบวนการใหม่ตั้งแต่สรรหาสปช. หากรับร่างฯ จะแจ้งผลไปยังครม.และกกต. เพื่อกำหนดเกณฑ์และวันทำประชามติซึ่งคาดว่าจะเป็น ม.ค. 2016 และนำไปสู่การเลือกตั้งต่อไป ถึงแม้สปช.ไม่รับร่างฯ เชื่อว่ากระทบตลาดระยะสั้น เพราะนักลงทุนน่าจะให้น้ำหนักกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า
(+) TKS หากสปช.โหวตรับร่างรธน.เสาร์นี้ จะเป็นข่าวดีสำหรับ TKS เพราะเป็นตัวเต็งในการพิมพ์บัตรประชามติร่างรธน.สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46-49 ล้านคน หากบริษัทได้งานดังกล่าว กำไรจะเพิ่มจากปกติ 15-20% แต่ถึงแม้ TKS ไม่ได้งานพิเศษดังกล่าว ราคาหุ้นปัจจุบันก็น่าซื้อสะสมอยู่แล้ว เพราะคิดเป็น PE ที่ถูกเพียง 10.3 เท่าปีนี้และ 8.9 เท่าปีหน้า และ Dividend yield 6% ต่อปี (1H15 จ่ายแล้ว 0.10 บาท/หุ้น ครึ่งปีหลังมักจ่ายเป็นหุ้นปันผล) กำไร 1H15 ลด 19% Y-Y ตามเศรษฐกิจ แต่คาดทั้งปีโต 7% เพราะได้งานพิมพ์แสตมป์และคูปองให้ร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรด แนะนำซื้อ เป้าหมาย 12 บาท
(+) หุ้นรับเหมาวางระบบในกลุ่มสื่อสารหลายตัวน่าสนใจ ตั้งแต่ SET จากจุดต่ำสุดถึงปัจจุบัน กลุ่ม Tourism, Media, Commerce รีบาวนด์กลับมาแรงที่สุดเพราะตกแรงก่อนหน้านั้น ขณะที่กลุ่ม ICT นอกจากจะ underperform ตลาดในช่วงนี้ ยัง -11% YTD ในขณะที่ SET -8% YTD หุ้นที่ underperform ที่สุดในกลุ่มสื่อสารคือธุรกิจรับเหมาวางระบบ ราคาหุ้นลดลงเฉลี่ย 29% YTD เทียบกับกลุ่มสื่อสารที่ -13% YTD แม้ว่าผลประกอบการในปีนี้ของกลุ่มรับเหมาจะหดตัวเพราะแทบไม่มีงานประมูลใหม่ แต่ปีหน้าจะฟื้นตัวจากการเร่งรัดเบิกจ่ายงบฯ เราเห็นว่าหุ้นหลายตัวมีราคาถูกจนน่าสนใจเช่น
SAMART เราคาดกำปีนี้ลดลง 19% แต่ราคาหุ้นปรับลงถึง 50% YTD ทำให้มี PE 16 เท่าปีนี้และ 14 เท่าปีหน้า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 17-18 เท่า ล่าสุดมีลุ้นได้งานนำสายไฟลงดินเพื่อปรับทัศนียภาพกรุงเทพฯ วงเงิน 1.43 แสนล้าน เพราะมีบริษัทย่อย Teda ทำงานประเภทนี้อยู่แล้ว เราแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 23 บาท
SAMTEL ราคาหุ้น -18% YTD สวนทางกับกำไรปกติปีนี้ที่คาดโต 18% และปีหน้าโตอีก 15% และ Backlog ที่มีถึง 9 พันล้านบาท ปัจจุบันมี PE 15 เท่าและจะลดลงเหลือ 13 เท่าปีหน้า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 22.20 บาท
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ค่อนข้างแรงเฉลี่ยราว 2% หลังบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกเริ่มผ่อนคลาย ขณะที่ Beige Book ยังระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัวต่อเนื่อง
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาส่วนใหญ่ปิดในแดนบวกได้เช่นกันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯและเอเชียที่กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
(+) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกได้เช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสมากขึ้น
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกด้านขาง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.67-35.80 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.84 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นที่เริ่มฟื้นตัว หลังจากที่ร่วงแรงในวันก่อนหน้าจากความกังวลเรื่องอุปสงค์ที่ชะลอตัวและอุปทานที่ล้นตลาด
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,133.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 6.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 4 วันก่อนหน้า โดยตลาดยังจับตาดูความชัดเจนในการขึ้นดอกเบี้ยของ FED รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญภาคแรงงานในคืนวันศุกร์
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
3 ก.ย. - ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดทำการฉลองครบ 70 ปีสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
- สหรัฐ: Fed Beige Book
4 ก.ย. - ตลาดหุ้นจีนปิดทำการฉลองครบ 70 ปีสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
- สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ตลาดคาด +2.18 แสนราย ดีขึ้นจากเดือนก่อนที่+2.15 แสนราย)
6 ก.ย. - ไทย:สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โหวตรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
7 ก.ย. - สหรัฐ: ตลาดการเงินปิดทำการ เนื่องในวัน Labor Day
8 ก.ย. - จีน:ดุลการค้า (ส.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2Q15 GDP
- ยูโรโซน: 2Q15 GDP
10 ก.ย. - จีน:อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.), ยอดสินเชื่อใหม่ (ส.ค.)
11 ก.ย. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK)ประชุม
13 ก.ย. - จีน:Industrial Production, Retail sales (ส.ค.)
14 ก.ย. - ยูโรโซน:Industrial Production (ก.ค.)
15 ก.ย. - สหรัฐ: Retail sales (ส.ค.)
16-17 ก.ย. - สหรัฐ: FOMCประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research