- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 September 2015 18:34
- Hits: 2406
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ผันผวนสูง"
Stock Picks-Sep 2015 : Fundamental : CK, INTUCH, KBANK, QH, RATCH
Fundamental Pick -Today: RATCH
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : BJC 40%, M 19%, EGCO 18%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ ควรระวังการแกว่งลงอีกระลอก
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1370-1380 ต่ำกว่า 1350
SET50 ซื้อค่าบวก 900-910 ต่ำกว่า 880
Technical Picks- Today : KTC, SAMTEL, FORTH, BA, WORK, KKC, AJD
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SEAFCO (จากขายถือเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้พลิกอารมณ์เป็นลบ ปิดตลาดดัชนีลดลลง 20.02 จุด ปิดที่ 1362.39 โดยมีการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มหลักหลังจากกระแสคาดการณ์โอกาสเฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ก.ย.มีมากขึ้น พร้อมกันนั้นดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สก็ปรับลดลงแรงด้วย พอร์ตบล.นำขายสุทธิ 1.7 พันล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิเล็กน้อย 600 กว่าล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเกือบ 900 ล้านบาท รายย่อยพลิกเป็นซื้อสุทธิ 1.4 พันล้านบาท
ความวิตกกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากมีรายงาน PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.58 ที่อ่อนแอของจีนและที่ชะลอตัวของสหรัฐ รวมถึง Moody's ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ของหลายประเทศ (โดยของประเทศขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น บราซิล, รัสเซีย ฯลฯ มองว่าเศรษฐกิจจะหดตัวในปี 59) นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของกลุ่มผู้ผลิตก๊าซและน้ำมันที่จะมากขึ้นหลังโครงสร้างราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงในทางต่ำลง เรามองว่าตลาดหุ้นมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกค่อนข้างมาก ทำให้จะยังผันผวนสูง ดังนั้นในการลงทุนที่เป็น Equity จึงเน้นหุ้น Defensive หรือปันผลสูงในกลุ่ม Domestic Play ซึ่ง Top Picks ของเดือนก.ย.58 เป็น CK, INTUCH, KBANK, QH, RATCH
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ และควรระวังการอ่อนตัวลงอีกรอบ การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1370-1380 จุด การอ่อนตัวจนหลุด 1350 จุดให้ Wait & See หรือลดพอร์ตตาม สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ได้แก่ AJD, BA, KKC ส่วน CPALL และ WORK ถือต่อได้ถ้าไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- ดัชนีการผลิตทั่วโลกเดือนส.ค.ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตทั่วโลกลดลงเป็น 50.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.56 และลดลงจาก 51.0 ในเดือนก.ค.58
ยูโรโซน : ภาคผลิตเติบโตอ่อนลงเล็กน้อย ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.58 อ่อนลงเพียงเล็กน้อยเป็น 52.3 จาก 52.4 ในเดือนก.ค.58 ซึ่งดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวเมื่อเทียบ MoM
- อังกฤษ : ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตส.ค.58 ปรับลงสู่ระดับ 51.5 จาก 51.9 ในเดือนก.ค. ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 52.0 แต่ยังอยู่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการเติบโต
- สหรัฐ : ภาคการผลิตเดือนส.ค.เติบโตชะลอตัวลง สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตส.ค.58 ลดลงเป็น 51.1 จาก 52.7 ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่า และเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ด้านมาร์กิตระบุว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.58 ลดลงเป็น 53.0 ต่ำสุดในรอบ 22 เดือน จากระดับ 53.8 ในเดือนก.ค.
- จีน : ภาคการผลิตหดตัวต่อ ขณะที่ภาคบริการเติบโตน้อยลง มาร์กิตและไคซินเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.ว่าลดลงแตะ 47.3 จาก 47.8 ในเดือนก.ค. นับเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันที่ดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ด้านดัชนี PMI ภาคบริการเดือนส.ค.58 ลดลงเป็น 51.5 จาก 53.8 ในเดือนก.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบร่วงแรง โดยสัญญา WTI ส่งมอบต.ค.ร่วงลง 3.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ดิ่งลง 4.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดันหลัก คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนและสหรัฐ ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก...หุ้นกลุ่มพลังงานถูกขายออกมาอีกระลอก ทั้งในตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้
+ ราคาทองคำกลับมาบวก ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.3 ดอลลาร์ หรือ +0.64% ปิดที่ระดับ 1,139.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากที่นักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจโลก จึงกลับมาเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำอีกครั้งหนึ่ง ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
/- ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค.58 ติดลบต่อเป็นเดือนที่ 8 โดยลดลง 1.19%YoY ส่วนงวด 9M58 ลดลง 0.89% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเดือนส.ค.58 เพิ่มขึ้น 0.89%YoY กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าความเสี่ยงเรื่องเงินฝืดของไทยต่ำมาก เพราะราคาสินค้าลดลงแค่บางประเภทเท่านั้น โดยดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มส.ค.เพิ่มขึ้น 1.27%YoY และ 0.09%MoM แต่ดัชนีราคาสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มส.ค.หดตัว 2.5%YoY และ 0.39%QoQ สำหรับทั้งปี 58 ทาง DBS คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยจะ -0.5% ซึ่งในภูมิภาคเอเชียมีเฉพาะไทย, สิงคโปร์ และไต้หวันที่มีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบในปีนี้
Wealth Perspecitve เดือนก.ย.58 : เน้นหุ้น Defensive & High Dividend Yield…Performance Stock Picks เดือนส.ค.58 ที่ +2.3% ขณะที่ SET Index -4% ทำให้ยอดสะสมงวด 8M58 ติดลบน้อยกว่าตลาด โดยของเรา -4.5% ขณะที่ SET -7.2%
สำหรับเดือนก.ย.58 ยังมีความเสี่ยงจากภายนอกสูง ทั้งจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเศรษฐกิจประเทศ Emerging หลายแห่ง GDP จะติดลบในปี 59 เช่น รัสเซีย, บราซิล เป็นต้น (ตามการคาดการณ์ของ Moody's) ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงทำให้ผู้ผลิต & สำรวจก๊าซและน้ำมันมีสภาพคล่องทางการเงินแย่ลง Default Risk สูงขึ้น ความกังวลกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเข้ามากดดันตลาดเป็นระลอกๆ
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ เราเห็นตัวเลขการบริโภคและการใช้จ่ายภาครัฐที่ดีขึ้นในช่วง 2Q58 และหากมาตรการกระตุ้นรากหญ้า 3 เดือนข้างหน้าสำเร็จก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจภายในดีขึ้น แต่ในส่วนของส่งออกยังซบเซา แม้ในรูปบาทที่ได้สะท้อนค่าเงินที่อ่อนแล้วก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน : ถอยรับเป็น Step โดยเน้นหุ้น Defensive Play & ปันผลสูงเป็นหลัก ส่วนกลุ่มโภคภัณฑ์มองว่ายังมีความผันผวนสูง หลักทรัพย์ฯ Top Picks ของเดือนก.ย.58 เป็น CK, INTUCH, KBANK, RATCH, QH
สำหรับค่า Median ของ SET Index Target ทาง Quant team Thailand ประเมินไว้ที่ 1390 จุดสำหรับช่วงที่เหลือของปี 58 ส่วนระยะ 12 เดือนข้างหน้ามีค่า Median อยู่ที่ 1440 จุด
+ หุ้นปันผลสูงใน DBS Coverage 10 อันดับแรก ที่นักวิเคราะห์ให้คำแนะนำซื้อ เป็น 1) TMT : คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้เท่ากับ 7.9% , 2) BECL, 7.0%, 3) SPF 6.9%, 4) SNC : 6.5%, 5) TRUIF : 6.5%, 6) INTUCH 6.4%, 7) BTS 6.2%, 8) TLGF : 6.1%, 9) CPNRF 6.1%, 10) AP : 6.0%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]