- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 September 2015 17:43
- Hits: 1307
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -469.68, NASDAQ -140.40, S&P -58.33, FTSE -189.40, CAC -111.79 และ DAX -243.89 ภายใต้ความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังภาคการผลิตของจีนและสหรัฐฯ ชะลอตัวลง โดย (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน – สค. อยู่ที่ 47.3 ลดลงจาก 47.8 เมื่อกค. และเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันที่ดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 และ (2) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ – สค. อยู่ที่ 51.1 ลดลงจาก 52.7 เมื่อกค. โดยได้รับผลกระทบจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า และเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. -US$3.79 อยู่ที่ US$45.41 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยกดดันจากตัวเลขการผลิตของจีนและสหรัฐฯ ข้างต้น
......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$7.3 อยู่ที่ US$1,139.8 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง และการลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลกยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +878 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -85,515 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
(+) ครม. มีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินรวม 1.36 แสนล้านบาท ประกอบด้วย (1) มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยการปล่อยสินเชื่อผ่านกองทุนหมู่บ้าน วงเงิน 60,000 ล้านบาท (2) มาตรการ จัดสรรงบประมาณลงสู่ตำบลต่างๆ ทั่วประเทศ วงเงิน 36,000 ล้านบาท และ (3) มาตรการลงทุนโครงการขนาดเล็กของภาครัฐ วงเงิน 40,000 ล้านบาท
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ยังมีความผันผวนอยู่? ตามตลาดต่างประเทศที่เคลื่อนไหวทั้งบวก/ลบ ขณะที่คาดปัจจัยต่างประเทศยังมีน้ำหนักเป็นลบ จากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว อาจส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ที่เป็นคู่ค้า แม้ว่าจีนพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการผ่อนคลาย ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ แต่คาดยังไม่สามารถชดเชยความกังวลดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นความไม่แน่นอนต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด?
.....ทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดได้รับปัจจัยบวกจาก Fund Flow ที่มีสัญญาณเป็นบวก หลังต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยมูลค่าเพิ่มขึ้น เป็น 878 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ 388 ล้านบาท แต่ (-) ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงาน ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของครม. ชุดใหม่ คาดตลาดฯ สะท้อนไประดับหนึ่ง และคาดต้องใช้ระยะเวลา 2 – 3 เดือน ที่มีจะเม็ดเงินใหม่เข้ามา ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยวเริ่มมีแนวโน้มทรงตัวได้และเป็นโอกาสในการสะสมหุ้น เช่น กลุ่มโรงแรม (CENTEL) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, BA) เป็นต้น
...รวมถึงยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, STEC, TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.75 – 35.79 คาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก และ (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO และ VNG เป็นต้น
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 2.17% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +2.97 มาอยู่ที่ 31.40
หุ้นแนะนำ : CENTEL
ประเด็นที่ต้องติดตาม (2 – 4 กย.’58)
2/9/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน - สค. (2) ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วย – 2Q/58
(3) ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์ค - สค. (4) ยอดสั่งซื้อของโรงงาน - กค. (5) สต็อกน้ำมัน
3/9/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ - กค. (3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย - สค. (4) ดัชนี PMI ภาคบริการ - สค.
4/9/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - สค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788