WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'ยังต้องระวังความผันผวน'
Stock Picks-Sep 2015 : Fundamental : CK, INTUCH, KBANK, QH, RATCH

Fundamental Pick -Today: GCAP (ดูรายละเอียดหน้า 2)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : BJC 36%, M 28%, PTTEP 16%, KBANK 15%

Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ แต่อาจพลิกเป็นลบได้
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1390-1400 ต่ำกว่า 1360
SET50 ซื้อค่าบวก 910-920 ต่ำกว่า 890
Technical Picks- Today : KTC, SEAFCO, KBANK, GLOW, MINT, WORK, LIT, MAJOR

 

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปิด +16.47 จุดที่ระดับ 1382.41 ปัจจัยหนุนยังเป็นราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นต่อ รวมถึงความคาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ กระเตื้องขึ้นในระยะต่อไป โดยเริ่มจากการลงทุนภาครัฐ แล้วตามมาด้วยการลงทุนภาคเอกชน & การบริโภค ส่วนภาคท่องเที่ยวยังไปได้ดี โดยเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์กระทบไม่มาก แต่ภาคส่งออกต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว สถาบันในประเทศซื้อสุทธิอีก 1 พันล้านบาท ต่างชาติพลิกกลับเป็นซื้อสุทธิเล็กน้อย ส่วนขาขายสุทธิเป็นของนักลงทุนรายย่อย
ในระยะสั้นความกังวลเรื่องเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.58 กลับมาอีกระลอก หลังจากรองประธานเฟดและเจ้าหน้าที่บางรายแสดงความเห็นว่าเฟดควรเริ่มขึ้นดอกเบี้ยหลังมีสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐจะค่อยๆ ขยับขึ้น รวมถึงการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐใน 2Q58 ก็ออกมาดีกว่าคาดมาก (+3.7%YoY) ซึ่งส่วนนี้ทำให้ตลาดหุ้นยังผันผวน

 

       ด้านราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นก็ต้องระวังการอ่อนตัวตามมา เพราะแม้ว่า EIA จะมีการปรับตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐในช่วง 5M58 ลงแต่การผลิตระดับ 9.4 ล้านบาร์เรล/วันก็ยังสูงมาก ขณะเดียวกันภาคการผลิตของจีนยังคงซบเซา ทำให้กำลังซื้อโภคภัณฑ์ในตลาดโลกคงอ่อนแอ ส่วนในประเทศวันนี้กระทรวงการคลังจะนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้มีรายได้น้อยระยะ 3 เดือนวงเงิน 1.3 แสนล้านบาทให้ที่ประชุมครม.พิจารณา ซึ่งคาดว่าจะผ่านความเห็นชอบและจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในต่างจังหวัดให้กระเตื้องขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เรายังคงชอบหุ้น Domestic Play มากกว่ากลุ่มโภคภัณฑ์ หุ้นแนะนำวันนี้เป็น GCAP โดยคาดว่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล


       การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ แต่ยังไม่ทิ้งความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลงอีกรอบ การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1390-1400 จุด การอ่อนตัวจนหลุด 1360 จุดให้ Wait & See หรือลดพอร์ตตาม สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ได้แก่ KTC, SEAFCO, KBANK, GLOW, MINT, WORK, LIT, MAJOR

Market Drivers

ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
/- รองประธานเฟด & เจ้าหน้าที่บางรายหนุนให้เฟดเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยก.ย.นี้ นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าในการกล่าวปาฐกถาที่เมืองแจ็คสัน โฮลในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายก็ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน หลังระบุว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
- จีน : ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.58 ลดลงเป็น 49.7 จาก 50 ในเดือนก.ค.58 ชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า


จีน : ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนส.ค.58 ลดลงเล็กน้อยเป็น 53.4 จาก 53.9 ในเดือนก.ค.58 ซึ่งเมื่อเทียบกับดัชนี PMI ภาคการผลิตแล้วถือว่าภาคบริการอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่า โดยยังมีการขยายตัว MoM แม้ว่าอัตราการเติบโตจะลดลงบ้างก็ตาม


- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง หลังพุ่งขึ้นในช่วงหลายวันก่อนหน้า โดยนักลงทุนกลับมากังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด แม้ว่าประธานเฟดบางคนจะออกมาคาดการณ์ว่าเฟดยังไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้ แต่ตัวเลข GDP Growth ประจำ 2Q58 ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาดก็ทำให้ตลาดกลับมากังวลเพิ่มอีกระลอก


+ สัญญาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อหลัง EIA ปรับลดตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐในช่วง 5M58 โดยสัญญา WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.98 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.2 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT เพิ่มขึ้น 4.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.15 ดอลลาร์/บาร์เรล


ทั้งนี้ EIA ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันสหรัฐในช่วง 5 เดือนแรกของปี 58 ลงราว 40,000-130,000 บาร์เรล/วันในแต่ละเดือน เนื่องจาก EIA ใช้วิธีการสำรวจแบบใหม่ โดยเท็กซัสและอ่าวเม็กซิโกเป็นบริเวณที่ถูกปรับลดการผลิตมากที่สุด สำหรับการผลิตในเดือนมิ.ย.58 ลดลง 100,000 บาร์เรล/วันที่ระดับ 9.3 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้การผลิตโดยรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ระดับ 9.4 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐในเฉลี่ย 9.4 ล้านบาร์เรล/วันก็ยังเป็นระดับที่สูงโดยเพิ่มขึ้นจากปี 57 ราว 10%
/- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค.58 ลดลง 1.5 ดอลลาร์ หรือ -0.13% ปิดที่ 1,132.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยที่เข้ามากดดัน คือ รองประธานเฟดเปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.ในการปาฐกถาที่เมืองแจ็คสัน โฮล

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ กระทรวงการคลังเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 3 เดือนมูลค่าราว 1.3 แสนล้านบาทให้ที่ประชุมครม.พิจารณาวันนี้ (1 ก.ย.58) ซึ่งประกอบด้วย 3 มาตรการหลัก คือ 1.การปล่อยสินเชื่อให้แก่กองทุนหมู่บ้านเกรดเอและบีกองทุนละ 1 ล้านบาท รวมวงเงินประมาณ 6 หมื่นล้านบาท (ปล่อยกู้ผ่านธ.ออมสินและธ.ก.ส.), 2.จัดสรรวงเงินให้เปล่าตำบลละ 5 ล้านบาท จำนวนกว่า 7 พันตำบลวงเงินรวมประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท, 3.จัดงบลงทุนให้ส่วนราชการที่เสนอโครงการลงทุนขนาดเล็กหรือไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินรวมประมาณ 4 หมื่นล้านบาท โดยจะต้องเบิกจ่ายเงินภายใน 3 เดือน
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : มาตรการดังกล่าวข้างต้นนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของผู้ มีรายได้น้อยโดยเฉพาะในต่างจังหวัดให้กระเตื้องขึ้น เพราะมีเม็ดเงินเข้าไปหล่อลื่นในระบบมากขึ้น ซึ่งเป็นข่าวดีกับหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ที่อิงกับเศรษฐกิจต่างจังหวัด เช่น ค้าปลีก (หุ้นเด่น CPALL, BIGC, MC, GLOBAL) บริษัทปล่อยสินเชื่อรถจักรกลการเกษตร (หุ้นเด่น GCAP) กลุ่มเช่าซื้อ (หุ้นเด่น GL, MTLS, SINGER, TK) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น DCC, DRT) เป็นต้น


GCAP (ราคาปิด 3.26 บาท, Market Cap 652 ล้านบาท) : ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร โดยใน 2Q58 มีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท (ลดลงจาก 16 ล้านบาทใน 2Q57) และ 1H58 มีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท (ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 32 ล้านบาท) โดยเป็นผลจากปัญหาภัยแล้งและภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ซบเซา รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการจัดเคมเปญ "ออก รถเกี่ยว เที่ยวญี่ปุ่น" 2.6 ล้านบาทใน 2Q58 แนวโน้ม 2H58 จะดีขึ้นโดยรายได้จากเคมเปญจะเริ่มเข้ามาตั้งแต่ 3Q58 เป็นต้นไป และได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของทีมเศรษฐกิจใหม่รัฐบาล ด้าน NPL Ratio ณ สิ้น 2Q58 อยู่ที่ 14% (เพิ่มจาก 12% ในสิ้น 1Q58) แต่คาดว่าจะลดลงใน 4Q58 เพราะเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่ NPL จะลดลงทุกปี


ด้านความสามารถในการทำกำไรและการจ่ายปันผล ในช่วง 6M58 บริษัทยังมีอัตรากำไรสุทธิสูงที่ 33% เพิ่มขึ้นจากปี 57 ที่ 31.9% และคาดว่าจะรักษาระดับนี้ไว้ได้ต่อใน 2H58 บริษัทมี ROE สูงที่ 18.9% ในช่วง 6M58 และ ROA 10.6% ทางบริษัทประเมินว่ารายได้และกำไรปีนี้น่าจะทรงตัว (ลดลงจากต้นปีที่คาดว่าจะเติบโตราว 15%) ทำให้ EPS ปี 58 จะใกล้เคียงกับปี 57 ที่ 0.30 บาท/หุ้น ส่วนปี 59 มีโอกาสขยายตัวได้ดีขึ้น ณ ราคาปัจจุบัน 3.26 บาท ซื้อขายที่ P/E ปี 58 ที่ 10.9 เท่า และ P/BV ที่ 1.6 เท่า บริษัทจ่ายปันผลดี โดยประกาศจ่ายสำหรับ 1H58 แล้ว 0.05 บาท (XD ไปแล้ว) และคาดว่าจะจ่ายสำหรับ 2H58 อีก 0.10 บาทเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ปีนี้จะจ่ายปันผล 0.15 บาท (50% ของกำไรสุทธิ) คิดเป็น Yield ทั้งปี 4.6%


แนะนำซื้อเก็งกำไร GCAP โดยหากให้ P/E เป้าหมายที่ 13-15 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 3.9 บาท และ 4.5 บาท ตามลำดับ ส่วนการวิเคราะห์ทางเทคนิค ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 3.5-4.0 บาท

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!