WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Domestic Play
ตลาดหุ้นวานนี้:
      ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งลักษณะ sideways-to-sideways-up แม้ว่าบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรป ไม่เอื้อต่อการลงทุน แต่รมว.คลัง เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ ครม.พิจารณาในวันที่ 1 ก.ย. กลับเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการเก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 16.47 จุด มาปิดที่ 1,382.41 จุด มูลค่าการซื้อขายชะลอตัวเป็น 39,037 ล้านบาท
      นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในภาพรวม ด้วยการกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ เพียง 388 ล้านบาท แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 เล็กน้อย 1,326 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 8 อีก 878 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
      ติดตามการเสนอ 3 มาตรการเรียกความเชื่อมั่นและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ของ รมว.คลัง ต่อที่ประชุม ครม. วันนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของไทย ภาคการผลิตเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจำกัด จากเหตุการณ์วางระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกเด่นเป็นวันที่ 3 อีก 8.8% dod ใกล้ทดสอบแนว US$50/barrel

มุมมองต่อตลาด
       มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้ เราขยับขึ้นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ สู่ "กลางถึงบวก" จากเดิม "กลาง" หลัง SET INDEX ยืนเหนือ 1,380 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอการขายสุทธิตลาดหุ้นไทย SET50 Index กลับมายืนเหนือ 900 จุด ทำให้แรงกดดันต่อหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยคลายตัว ประเมิน SET INDEX มีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,390-1,400 จุดได้ในวันนี้
      และแม้ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่าง WTI - Brent จะฟื้นตัวตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา คืนวานนี้ปิดบวกไปอีกกว่า 8% และแนวโน้มมีเสถียรภาพมากขึ้น ย่อมทำให้หุ้นหลักในกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี สามารถทรงตัวได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เรายังคงให้น้ำหนักกับกลุ่ม Domestic Play มากกว่าตลาด เพื่อเกาะกระแสไปกลับมาตรการเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการนำเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 ส่วน ทั้งในแง่ของอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผ่านกองทุนหมู่บ้านอัตราดอกเบี้ย 0% การเข้าช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้ได้มากยิ่งขึ้น

     และการกลับมาให้ความสำคัญกับโครงการ OTOP และการเพิ่มประสิทธิภาพ/ เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่กลุ่มสินค้าเกษตร ในรูปแบบของ Cluster เราเชื่อว่า หากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ พร้อมกับความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น ระบบเศรษฐกิจที่ชะงักงัน ก็จะสามารถกลับมาเดินหน้าได้ และทำให้ภาพรวมของวงจรเศรษฐกิจภายในประเทศขยับได้ ส่วนแผนระยะกลางต่อการเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชนที่สำคัญ คือ การเร่งผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับการพิจารณาและอนุมัติจาก ครม. มาก่อนหน้านี้ ให้นำมาเป็นรูปธรรมของการเปิดประมูลโครงการ
      เราคาดการณ์ว่า ทีมเศรษฐกิจ นำโดย ดร.สมคิด จะเริ่มวางตารางเวลาเพื่อพบปะภาคเอกชน และนักลงทุนในต่างประเทศ หลัง ทีมเศรษฐกิจนำเสนอแผนต่างๆ และได้รับการอนุมัติจากครม. เพื่อเป็นการชี้แจงแนวทางการทำงานด้านเศรษฐกิจจากนี้ไป ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เราเชื่อว่า ทีมเศรษฐกิจจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติได้
และแม้ว่าปัจจัยต่างประเทศจะยังมีความเปราะบาง ทั้งความไม่มั่นใจต่อภาพรวมเศรษฐกิจของจีนจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 7% หรือ ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กับ โอกาสของการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะเกิดขึ้นในการประชุมเฟดวันที่ 18 ก.ย.นี้หรือจะเป็นช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็ตาม แต่หากภาพรวมเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน 2Q58 เราเชื่อว่า ปัจจัยต่างประเทศจะกระทบต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างจำกัด

กลยุทธ์การลงทุน
     ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรหุ้น Domestic Play วานนี้ อาจพิจารณาขายทำกำไรบริเวณ 1,390-1,400 จุด เพียงบางส่วน เพื่อรอจังหวะของการเข้าเก็งกำไรเมื่อราคาหุ้นเป้าหมายเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย"

Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB


Accumulative Buy: KTB
Speculative Buy: IRPC

 

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "สะสม" ได้แก่
1. KTB : ราคาปิด 18.20 บาท ราคาเหมาะสม 21.03 บาท
a) MBKET คาดว่าราคาหุ้น KTB จะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากวันนี้รมว.คลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ครม.พิจารณาอนุมัติ ได้แก่ 1.มาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย 2.มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐฯลงไปสู่ระดับตำบล และ 3.มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณโครงการลงทุนภาครัฐฯในส่วนของโครงการขนาดเล็ก
b) และเป็นบวกโดยตรงต่อ KTB เนื่องจากถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง จึงเป็นธนาคารหลักที่รัฐบาลใช้เป็นช่องทางกระตุ้นเศรษฐกิจ และ KTB มีจุดเด่นที่มีสัดส่วนลูกค้าในต่างจังหวัด และข้าราชการในสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อื่นๆ
c) Valuation ค่อนข้างถูก ซื้อขายระดับ PER2558 เพียง 7.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 9.3 เท่า และ PBV2558 เพียง 0.9 เท่า ต่ำว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.1 เท่า
d) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2558 หุ้นละ 0.85 บาท คิดเป็น Dividend Yield 4.7%
e) มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการคือกำไรพิเศษหลังศาลตัดสินให้จำเลยชำระคืนเงินให้กับ KTB จำนวน 10,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นเงินสดต่อหุ้นราว 0.70 บาท


และ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
2. IRPC : ราคาปิด 3.80 บาท ราคาเหมาะสม 4.30 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะปรับตัว Outperform ในวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT ปรับตัวขึ้นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้นอีก +8.8% dod และ +8.2% dod ตามลำดับ
b) ดังนั้น คาดว่าจะเห็นการเกิด Short Covering อย่างต่อเนื่อง หลังหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง -5.2% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับ SET INDEX -2.7%
c) แม้ว่าราคาน้ำมันดิบ Dubai ใน 3Q58 จะยังลดลง -21.4% QTD แต่เชื่อว่า IRPC จะยังเด่นกว่าหุ้นอื่นๆในกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจาก IRPC จะมีการบันทึกกำไรพิเศษเงินประกันรับคืนจากเหตุไฟไหม้ เข้ามาช่วยหักล้างผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง
d) คาดผลประกอบการปี 2558 พลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 6,556 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 9,374 ล้านบาท ในปี 2557 และเติบโต +23% qoq เป็น 8,078 ล้านบาท จากแรงหนุนของโครงการ Phoenix ที่จะเริ่ม CDO ในช่วงปลายปี 2558
e) Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 7.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มพลังงานที่ 14.4 เท่า

 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาขายสุทธิ US$66 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$66 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นไปอย่างเบาบางก็ตาม
       นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 วันทำการ แต่ก็เพียง 388 ล้านบาท เทียบกับ 9 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 34,295 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิสูงเกิน 8 หมื่นล้านบาท เป็น 86,392 ล้านบาท
      ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 5 อีกเล็กน้อย 1,326 สัญญา รวม 5 วันทำการ Long สุทธิ 42,323 สัญญา น่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Short หลัง SET50 Index กลับมายืนเหนือ 900 จุด อีกครั้ง ขณะที่ S50U15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 10.28 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 7.87 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเหลือ 28,124 สัญญา
      และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 8 อีกเล็กน้อย 878 ล้านบาท รวม 8 วันทำการ ขายสุทธิ 22,618 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยลดลงต่อเนื่อง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 0.27bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.08bps ปิดที่ 2.812%

 

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็น 799 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่สูงถึง 1,575 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิหนาแน่น เป็นวันที่ 3 เน้น CPALL / PTT อย่างเห็นได้ชัด
การซื้อขายผ่าน NVDR ยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 มากถึง 1,798 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 320 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 2,660 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR ยังคงเลือกลงทุนเป็นรายกลุ่ม สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงานกลับมาถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 444 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิสูงสุด 409 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีกซื้อสุทธิ 426 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 382 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 152 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 286 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 170 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 263 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ขายสุทธิ 33 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มธนาคาร ถูกขายสุทธิสูงสุด 328 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ขายสุทธิ 22 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

 

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ดัชนี Chicago PMI เดือนส.ค.เท่ากับ 54.4 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 54.9 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 54.7 จุด โดยคำสั่งซื้อใหม่ และภาคการผลิตเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว Backlog ปรับตัวลงแรงจนติดลบ

 

ยุโรป
อัตราเงินเฟ้ออียูยังคงอยู่ในระดับต่ำ: เดือนส.ค. อัตราเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 0.2% mom แม้ว่าจะสูงกว่า Bloomerg consensus คาดที่ 0.1% mom ก็ตาม ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริง เพิ่มขึ้น 1.0% mom

จีน
จีนเตรียมเพิ่มมาตรการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้น: The China Securities Regulatory Commission เตรียมออกมาตรการให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน เพิ่มมูลค่าด้านการลงทุน และโปรโมทเสถียรภาพและการเติบโตของตลาดหุ้นอย่างยั่งยืน เตรียมกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนเดินหน้าสู่การควบรวมกิจการ (M&A), การซื้อหุ้นคืน เมื่อราคาปรับตัวลง และการจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้น นอกจากนี้ CSRC ได้ให้โบรกเกอร์จัดตั้งกองทุนวงเงิน 1.0 แสนล้านหยวน เพื่อเป็นการกองทุนพยุงตลาดหุ้นของชาติและนำมาใช้ในการซื้อหุ้นคืนจากตลาด
ดัชนี PMI ภาคการผลิตทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี: เดือน ส.ค.อยู่ที่ 49.7 จุด เท่ากับที่ Bloomberg Consensus คาด ซึ่งเป็นการลดลงจากเดือนก่อนที่ 50.0 จุดและตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 จุดสะท้อนภาคการผลิตที่หดตัว

 

เอเชียแปซิฟิก
เศรษฐกิจอินเดียขยายตัวต่ำกว่าคาด: GDP ระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย. ของอินเดียขยายตัว 7.0% yoy ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่เติบโต 7.5% yoy และต่ำกว่า Blomberg consensus คาด 7.4% yoy
โอเปค อาจหารือกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ: โดยพร้อมที่จะหารือกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบรายอื่นๆ เพื่อให้ราคาน้ำมันดิบกลับสู่ราคาที่เหมาะสม ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ปรับลดประมาณการผลผลิตน้ำมันดิบ

 

ยอดส่งออกเกาหลีใต้หดตัวแรงสุดในรอบ 6 ปี: ลดลงมากถึง 14.7% yoy ในเดือน ส.ค.จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 3.4% yoy และเป็นการหดตัวแรงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดลดลง 5.9% yoy โดยตัวเลขส่งออกเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และหดตัวมากสุดนับตั้งแต่ 2552 ทั้งนีการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนราว 50% ของ GDP โดยการส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง อีกทั้งค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงทำให้การแข่งขันจากจีนเพิ่มขึ้น

 

ไทย
รมว.คลัง ชง 3 แพ็คเกจเศรษฐกิจเข้าครม.: รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.วันที่ 1ก.ย.นี้ กระทรวงคลังจะเสนอมาตรการด้านเศรษฐกิจ 3 มาตรการ คือ มาตรการช่วยเหลือดูแลผู้ที่มีรายได้น้อยให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐผ่านไปยังตำบลต่างๆทั่วประเทศ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดจะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ และมาตรการใช้จ่ายงบประมาณด้านการลงทุนในโครงการขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้การเบิกจ่ายทำได้สะดวกขึ้น และส่งผลประโยชน์กับผู้ประกอบการขนาดเล็กในพื้นที่ซึ่งรับงานมาจากผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยทั้ง 3 มาตรการนี้ คงเป็นการเสนอเป็นรายละเอียดกว้างๆก่อน ส่วนรายละเอียดย่อยคงต้องให้ครม.พิจารณาอีกครั้ง
ผู้ว่า ธปท. คาดเศรษฐกิจครึ่งหลังเติบโตใกล้เคียงครึ่งปีแรก: ผู้ว่าการ ธปท. เชื่อมั่นว่าการที่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินกว่า 100,000 ล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 1 กันยายนนี้ จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ สามารถกระตุ้นการอุปโภคบริโภคในระยะสั้นได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมากลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย หรือภาคเกษตรขาดกำลังซื้อ

      อย่างไรก็ตาม การที่จะอัดฉีดเงินเข้ากองทุนหมู่บ้าน และนำมาปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 60,000 ล้านบาทนั้น จะต้องระมัดระวังไม่ทำให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยควรมองไปถึงความสามารถในการชำระคืนด้วย สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังนี้ น่าจะเติบโตได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก แต่มีปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีน และสหรัฐฯ ที่ไม่มีความแน่นอน ขณะที่การส่งออกยังตกต่ำ การบริโภคในประเทศยังทรงตัว
     ธปท.รายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค.ยังคงอ่อนแอ: มีเพียงภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายลงทุนภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ ขณะที่การส่งออกยังซบเซา รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนลดลงเช่นเดียวกับรายได้ที่ยังไม่ดีและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำลง อุปสงค์ที่อ่อนแอทั้งในและต่างประเทศกระทบความเชื่อมั่นของธุรกิจและส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ


ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจลดลงอยู่ที่ 46.4 จุด ลดลงจากเดือน มิ.ย. ที่ 49.1 จุด ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม และมิใช่อุตสาหกรรม ที่ลดลงในทุกองค์ประกอบย่อยของดัชนี ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้าต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งเกิดเหตุน้ำท่วมอยู่ที่ 49.9 ลดลงจาก 51.0 ที่สำรวจในเดือนก่อน
ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน พ.ค.เกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ที่ US$2.12 พันล้าน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ US$893 ล้าน และดีกว่าที่ตลาดคาดที่ US$1.25 พันล้าน

 

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!