- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 31 August 2015 18:05
- Hits: 1266
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้ (31/8-4/9/58) บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ก่อน (24-28 สิงหาคม 58)
SET ปิดปรับตัวทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน หลังการอ่อนตัวลดลงรุนแรงในช่วงต้นสัปดาห์ จากความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ก่อน Rebound ขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ ในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สร้างแรงซื้อในหุ้นพลังงาน ปิดสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1365.94 จุด เปลี่ยนแปลง +0.33 จุด (+0.02%) WoW
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้
(+) ความหวังต่อการคงอัตราดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมกลางเดือนหน้า หลังประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส แสดงความเห็นว่า เฟดยังไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ สอดคล้องกับประธานเฟดสาขานิวยอร์ก
(+) การดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจของครม. ชุดใหม่ที่ต้องการกระจายรายได้สู่ผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ
(-) Moody ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกใน59 สู่ 2.8% จาก 3% โดยปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของสหรัฐจีน และญี่ปุ่นลง
(-) ภาพรวมดัชนีหุ้นจีนยังคงมีความผันผวนจากความไม่มั่นใจต่อภาพ รวมเศรษฐกิจแม้ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
(+/-) การประชุมที่เมืองแจ็คสันโฮล FED มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานจะสามารถฟื้นตัวสู่เป้าหมาย 2% ได้ และไม่ได้ระบุช่วงเวลาชัดเจนที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(+/-) ราคาน้ำมันเริ่มอ่อนตัวลง หลังการฟื้นตัวขึ้นอย่างรุนแรงราว 10% จากจุดต่ำสุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
* ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ตัวเลข ISM ภาคการผลิต, ตัวเลขการจ้างงานของ ADP และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ยุโรป CPI อัตราการว่างงาน
* การประชุมกลุ่มประเทศ G20 ที่ประเทศตุรกี
* การประชุม ECB ในช่วงกลางสัปดาห์
* ไทย การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนของ BOT, ตัวเลข CPI และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ความคิดเห็น
ประเมินภาพรวมดัชนีมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น ในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันที่เริ่มมีการอ่อนตัวลงในระยะสั้น พร้อมความผันผวนจากภาพรวมเศรษฐกิจจีน และผลการประชุมที่เมืองแจ็คสันโฮล ที่ไม่สามารถสร้างความมั่นใจต่อการลงทุนได้มากนัก ด้านในประเทศนักลงทุนยังคงติดตามแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงกลางเดือนหน้าว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและกระจายได้รายได้ได้หรือไม่
กลยุทธ์การลงทุน
ยังคงเน้นการลงทุนเป็นรายตัวที่มีปัจจัยเฉพาะตัวโดยเฉพาะหุ้นที่มีการรายงานงบไตรมาส 2 โดดเด่น และสามารถเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่กลับมาอ่อนตัวลงในระยะสั้น และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ วัสดุก่อสร้าง เกษตร พาณิชย์ สื่อสาร
วิเคราะห์ SET ประจำสัปดาห์ 31 สค.-4 ก.ย. 58
ลงซื้อ ขึ้นขาย ถือได้ยาวขึ้น
SET Closed : 1,365.94 p. SET High : 1,380.66 p. SET Low : 1,292.14 p.
Resistant : 1,408, 1,418 p. Support : 1,355, 1,336 p.
SET สร้างระดับต่ำสุดที่ลึกมากเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่หลังจากนั้นสามารถดีดตัวกลับสร้างสัญญาณซื้อในหลายรูปแบบ ได้แก่การเกิด V-shape ที่จะมีปลายได้ถึง 1,418 จุด การตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน รวมถึงการเข้าใกล้จุด Parabolic หากผ่านไปได้จะมีแรง follow buy ตามมา และ RSI ที่มี Buy signal แล้วนั้นจะทำให้ SET สัปดาห์นี้แข็งแกร่งขึ้น แต่จะเป็นสัปดาห์ที่ผันผวนได้ง่าย เนื่องจากมีแนวต้านสำคัญที่ต้องฝ่า หากยังสามารถคง V-shape ได้ให้ถือหุ้นเก็งกำไรต่อได้ แต่หากเปลี่ยนฟอร์มเมื่อไรให้ลดน้ำหนัก
กลยุทธ์
1. เกิดสัญญาณ Evening star ปลายสัปดาห์ วันนี้ให้ตั้งรับเมื่ออ่อนตัวที่แนวรับแรก เล่นเก็งกำไร
2. SET ไม่ควรหลุด 1,336 จุด หากหลุดตรงนี้ ให้ลดน้ำหนักถือหุ้นน้อยตัว
3. หาก SET ประคองตัวปิดสูงกว่าเปิด ถือหุ้นข้ามวัน การถือหุ้นในสัปดาห์นี้ให้เฝ้ามองจุดการหลุดของ SET ไว้เป็นหลัก ถ้าไม่หลุด แนว 1336 จุดให้เก็งกำไรได้ยาวขึ้น
หุ้นเด่นประจำสัปดาห์
HMPRO ราคาปิด 7.20 บาท
*เป็นตัวแทนของการเก็งกำไรประเด็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าของรัฐบาล
* กำไร 2Q58 เติบโต 12% QoQ และ 3% YoY หนุนจากการเปิดสาขาใหม่และรายได้อื่นที่เติบโต
* คาดผลประกอบการของธุรกิจมาเลเซียจะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
* 2H58 บริษัทเตรียมปรับการทำโปรโมชั่นกระตุ้น SSSG และคาดอัตราการทำกำไรจะฟื้นตัวจาก 1H258
วิเคราะห์ทางเทคนิค
HMPRO ราคาปิด : 7.20 บาท แนวต้าน : 7.60, 8.40 บาท แนวรับ : 7.00 บาท
กราฟ HMPRO สร้างสัญญาณซื้อระดับ week ขึ้นแล้ว โดย MACD ดีดตัวขึ้นสนับสนุน buy signal นี้ โดยกราฟกำลังฟอร์มตัวกลับไปยังไหล่ขวาที่ 8.40 บาทให้ได้
กลยุทธ์
1. เข้าซื้อสะสม หรือซื้อเมื่ออ่อนตัว และถือไปยัง 8.40 บาท
2. ระมัดระวังการหลุด 6.80 บาท ให้กำหนดจุดในการ cut ไว้หากผันผวนหลุดแนวนี้
3. หากประคองตัวไม่ต่ำกว่า 6.80 บาทถึงปลายสัปดาห์ ให้ซื้อสะสมเพิ่มเติม
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ