- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 31 August 2015 17:47
- Hits: 1080
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา เปิดบวกโดดสู่แนว 1,380 จุด นำโดยกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT / PTTEP หลังราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent บวกกว่า 10% คืนก่อนหน้า แต่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และแรงขายทำกำไรรอบสัปดาห์ที่มากขึ้น ทำให้ SET INDEX ลดช่วงบวกลงมาปิดที่ 1,365.94 จุด บวก 7.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,077 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในไทยต่อเนื่อง แต่เป็นการชะลอแรงขาย ด้วยการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 9 อีก 1,226 ล้านบาท ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 7 เพียง 446 ล้านบาท และปิดสถานะ Short ด้วยการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 มากถึง 16,020 สัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ เดือนก.ค.ของไทย ธปท. รายงานวันที่ 31 ส.ค.
รองประธานเฟด ยังคงเปิดโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในกลางเดือนก.ย.
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกกว่า 5% ในคืนวันศุกร์ ปิดที่ US$45.22/barrel เป็นบวกต่อกลุ่มน้ำมัน / โรงกลั่น / ปิโตรเคมี
มุมมองต่อตลาด
มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้ เรายังคง "เป็นกลาง" วันที่ 9 โดยภาพรวม SET INDEX จะยังคงแกว่งในกรอบแคบ 1,360-1,370 จุด กลุ่มพลังงาน/ กลุ่มปิโตรเคมี จะยังคงเด่นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปิดบวกกว่า 5% ในคืนวันศุกร์ อีกทั้งหุ้น PTT/ PTTEP เป็นหุ้นที่ถูก SBL หนาแน่นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันหุ้นหลัก 2 ตัวนี้ต่อเนื่อง แต่เราประเมินว่า Upside ของ WTI เริ่มจำกัดมากยิ่งขึ้นด่านสำคัญ US$47-48/barrel ยังไม่น่าผ่านได้ จากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั้งกลุ่มโอเปค และ นอกโอเปค ยังคงอยู่ในระดับสูง
ขณะที่กลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร / กลุ่มค้าปลีก จะแกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอดูแผนระยะสั้น อัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเข้าสู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่ง รมว.คลัง เตรียมเสนอแผนต่อครม.ในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม กลุ่ม Domestic Play ที่ยังคงเด่นในรอบนี้ คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ตามแผนของกระทรวงคมนาคม เร่งผลักดันโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการอนุมัติไปก่อน้านี้ ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ด้วยการเปิดประมูล รมว.คมนาคม ยืนยัน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู - เหลือง คาดว่าจะเปิดประมูลลักษณะ PPP ได้ภายในปีนี้ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย - จีน จะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในเดือนต.ค. ตามแผนเดิม ย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทางตรง และ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ทางอ้อม
และประเด็นที่น่าสนใจและเราให้ความสำคัญมากขึ้นคือ การเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างชาติ หลังต่างชาติเร่งปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures ด้วยการมีสถานะ Long สุทธิตลอด 4 วันทำการ มากถึง 40,997 สัญญา รวมถึงการขายสุทธิตลาดหุ้น และ ตลาดตราสารหนี้ไทยชะลอตัวมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ 8.27% YTD และ SET INDEX ปรับฐานลง 8.8% YTD ภายใต้การปรับทีมเศรษฐกิจของครม. ซี่งมีการแถลงมาตรการเรียกความเชื่อมั่นระยะสั้น - กลาง - ยาว พร้อมเตรียมเดินสายเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและภาคเอกชนต่างชาติ อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิตั้งแต่ปี 2556 จนถึง ปัจจุบัน มากถึง 3.2 แสนล้านบาท กลับมาสนใจตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน และถือเป็นปัจจัยที่น่าสนใจและมีผลต่อภาพรวม SET INDEX ในช่วงที่เหลือของปีนี้
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่ขายทำกำไรไปบางส่วนในวันศุกร์ที่ผ่านมา อาจพิจารณาสะสมหุ้นเป้าหมายกลับอีกครั้ง หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย โดยยังคงเน้นกลุ่มที่เกาะกระแสไปกลับมาตรการของทีมเศรษฐกิจ"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Accumulative Buy: KTB
Speculative Buy: IRPC
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "สะสม" ได้แก่
1. KTB : ราคาปิด 18.00 บาท ราคาเหมาะสม 21.03 บาท
a) MBKET คาดว่าราคาหุ้น KTB จะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากเชื่อว่าการประชุมครม.และครม.เศรษฐกิจในวันอังคาร - พุธนี้ จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นกำลังซื้อของคนรายได้น้อยที่เป็นนโยบายหลักของครม.เศรษฐกิจชุดใหม่
b) และเป็นบวกโดยตรงต่อ KTB เนื่องจากถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง จึงเป็นธนาคารหลักที่รัฐบาลใช้เป็นช่องทางกระตุ้นเศรษฐกิจ และ KTB มีจุดเด่นที่มีสัดส่วนลูกค้าในต่างจังหวัด และข้าราชการในสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อื่นๆ
c) Valuation ค่อนข้างถูก ซื้อขายระดับ PER2558 เพียง 7.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 9.3 เท่า และ PBV2558 เพียง 0.9 เท่า ต่ำว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.1 เท่า
d) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2558 หุ้นละ 0.85 บาท คิดเป็น Dividend Yield 4.7%
e) มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการคือกำไรพิเศษหลังศาลตัดสินให้จำเลยชำระคืนเงินให้กับ KTB จำนวน 10,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นเงินสดต่อหุ้นราว 0.70 บาท
และ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
2. IRPC : ราคาปิด 3.74 บาท ราคาเหมาะสม 4.30 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะปรับตัว Outperform ในวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT ปรับตัวขึ้นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น +6.3% dod และ +5.2% dod ตามลำดับ
b) ดังนั้น คาดว่าจะเห็นการเกิด Short Covering อย่างต่อเนื่อง หลังหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง -5.2% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับ SET INDEX -2.7%
c) แม้ว่าราคาน้ำมันดิบ Dubai ใน 3Q58 จะยังลดลง -21.4% QTD แต่เชื่อว่า IRPC จะยังเด่นกว่าหุ้นอื่นๆในกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจาก IRPC จะมีการบันทึกกำไรพิเศษเงินประกันรับคืนจากเหตุไฟไหม้ เข้ามาช่วยหักล้างผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง
d) คาดผลประกอบการปี 2558 พลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 6,556 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 9,374 ล้านบาท ในปี 2557 และเติบโต +23% qoq เป็น 8,078 ล้านบาท จากแรงหนุนของโครงการ Phoenix ที่จะเริ่ม CDO ในช่วงปลายปี 2558
e) Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 7.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มพลังงานที่ 14.4 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาซื้อสุทธิ US$66 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$637 ล้าน
ขายสุทธิใน TIPs ทุกตลาด
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงทยอยลดน้ำหนักการลงทุนในไทย แต่ชะลอตัวต่อเนื่อง
ด้าน Metal Futures ชะลอตัวต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 9 อีกเพียง 1,225 ล้านบาท รวม 9 วันทำการ ขายสุทธิ 34,295 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิทะลุ 8 หมื่นล้านบาท เป็น 86,780 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 มากถึง 16,020 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 40,997 สัญญา น่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Short หลัง SET50 Index ขึ้นทดสอบแนว 900 จุด แม้ว่าจะปิดต่ำกว่าแนวดังกล่าวก็ตาม ทำให้ S50U15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 7.87 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 9.72 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเหลือ 29,450 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 7ลดลงต่อเนื่อง เหลือเพียง 446 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ขายสุทธิ 21,740 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยกลับมาลดลงอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 1.08bps จากวันก่อนหน้าลดลง 2.67bps ปิดที่ 2.810%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เร่งขึ้นมาเป็น 1,575 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 739 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR แม้ว่าจะซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 แต่ NVDR ยังคงเลือกเน้นลดน้ำหนัก PTT / KTB
การซื้อขายผ่าน NVDR ยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 320 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 542 ล้านบาท แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า PTT / KTB ยังคงถูกายสุทธิหนาแน่น สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงานถูกขายสุทธิสูงสุด 409 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 33 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิสูงสุด 170 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 84 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 152 ล้านบาท และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 92 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
รองประธานเฟดส่งสัญญาณยังมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ย: รองประธานเฟด นาย Fischer ให้ความเห็นต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟด กลางเดือนก.ย. อาจเร็วเกินไปที่จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะเกิดปัจจัยที่เปลี่ยนไปคือ การลดค่าเงินหยวนของจีน ซึ่งทำให้เฟดต้องรอดูผลกระทบดังกล่าว จะมีมากหรือน้อย ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เฟดยังเหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ที่จะพิจารณาข้อมูลต่างๆ ก่อนการตัดสินใจในการประชุมกลางเดือนก.ย.
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นบวก
รายได้ส่วนบุคคล เดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาด และเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนและค่าจ้าง 0.5% mom เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557
ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล เดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.4% mom แต่เท่ากับเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการใช้จ่ายในสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 1.1% mom จากยอดขายรถยนต์
ดัชนี Consumer sentiment เดือนส.ค. เท่ากับ 91.9 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 93.3 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 92.9 จุด
ยุโรป
ผู้ว่าการ BoE ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ย: จากความเสี่ยงเศรษฐกิจจีน ทำให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง รวมถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก ทำให้ BoE อาจต้องประวิงเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรอดูสถานการณ์
จีน
จีนผ่อนคลายเกณฑ์ลงทุนอสังหาให้ต่างชาติ: กระทรวงพาณิชย์จีน ออกแถลงการณ์ ปรับลดกำหนดเงินขั้นต่ำที่ต่างชาติจะนำมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จีน โดยมติดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสภาแห่งรัฐจีน หรือรัฐบาลจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นการเปิดทางให้ชาวต่างชาติและสถาบันต่างชาติ ซึ่งมีสาขาในประเทศจีน สามารถซื้อบ้านเพื่อเป็นที่พักอาศัย หรือ ใช้ส่วนตัว นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้ปรับลดข้อกำหนดเงินทุนจดทะเบียนสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนโดยต่างชาติอีกด้วย ทุนจดทะเบียนของต่างชาติจะอยู่ในระดับที่ไม่น้อยกว่า 40% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดที่อยู่ระหว่าง 10 - 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในกรณีที่มูลค่าการลงทุนเกินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ ทุนจดทะเบียนจะต้องเกินกว่า 1 ใน 3
ผู้นำจีนยืนยันเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างสมเหตุสมผล: ผู้นำจีน นาย Li Keqiang ยืนยันเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างสมเหตุสมผล ทั้งๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการเติบโตที่มากขึ้นก็ตาม จากตลาดต่างประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพ เพิ่มความไม่แน่นอนต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและภาคการนำเข้า-ส่งออกของจีน พร้อมยืนยัน ยังไม่มีความจำเป็นในการทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่ามากขึ้น แนวโน้มค่าเงินหยวนจะมีเสถียรภาพบนเหตุและผลของค่าเงิน
เอเชียแปซิฟิก
ผลผลิตภาคอุตฯ ญี่ปุ่นหดตัวสวนกับที่ตลาดคาด: ผลผลิต เดือนก.ค. ลดลง 0.6% mom ขณะที่เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.1% mom และสวนทางกับที่ Bloomberg consensus คาด +0.1% mom
ผลผลิตภาคอุตฯของเกาหลีใต้หดตัวแรงกว่าคาด: ลดลง 3.3% yoy ในเดือน ก.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 1.4% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 1.6% yoy ทั้งนี้ภาคการผลิตหดตัว 2.9% yoy นำโดยการหดตัวภาคการผลิตในส่วน ICT ที่ลดลงมากถึง 5.7% ในขณะที่ภาคบริการเติบโต 2.2% yoy
ไทย
รมว.พลังงาน มอบนโยบาย พพ. เน้นใช้พลังงานทางเลือก: พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปภารกิจและบทบาทกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ว่า สามารถดำเนินการได้ตามแผน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่ตนเองเน้นให้เกิดความก้าวหน้าและสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน และการอนุรักษ์พลังงาน ที่ขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าแล้วหลายส่วน และเป็นนโยบายหลักของกระทรวงพลังงาน ที่ต้องมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5: อีก -5.3% yoy ในเดือน ก.ค. จากเดือนก่อนที่ -8.0% yoy แต่ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด -6.3% yoy นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มขึ้น 0.3% mom ทั้งนี้การหดตัวเป็นผลจากอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ โทรทัศน์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์กลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ 6.1% และอุตสาหกรรมอาหาร ขยายตัว 1.7% ทั้งนี้สศอ.คาดว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในปีนี้ จะกลับมาขยายตัวได้ 3-4% จากที่ลดลง 4.59% ในปีก่อน
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530