- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 June 2014 16:16
- Hits: 2404
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ในจังหวะบวกต้องระวังแรงขายกดดันให้มีรอบปรับพัก ดังนั้นรอซื้อลบ...
กลยุทธ์ : SET ยังมีสิทธิแกว่งผันผวนและปรับพักตัวลงต่อเนื่องได้อีก เนื่องจากเราคาดว่านักลงทุนยังรอประเมินผลกระทบจากปัจจัยลบในช่วงนี้ต่อตลาดหุ้นและภาวะเศรษฐกิจไทยก่อน อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่าผลกระทบต่างๆ ไม่ได้รุนแรงมากนัก ทำให้สุดท้ายแล้ว SET มีโอกาสที่จะพลิกกลับขึ้นไปหาเป้าหมายทางเทคนิคแถว 1500 จุดหรือใกล้เคียงได้ในช่วงถัดไป ดังนั้นเรายังแนะนำให้ทยอยซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวลงแล้วเน้นถือต่อเนื่องเช่นเดิม
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CSS, DEMCO, THCOM(short)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในด้านบวกและปิดเป็นบวกได้อีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนยังมีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ถึงแม้ว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะปรับลดประมาณการตัวเลข GDP ของสหรัฐในไตรมาส 1/57 ลงอีกก็ตาม ส่งผลให้ตลาดหุ้นภูมิภาคก็สามารถกลับมาเคลื่อนไหวเป็นบวกได้ในช่วงเปิดเช้านี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจาก SET ขยับกลับมาแกว่งบวกได้ก่อนแล้วตั้งแต่วานนี้ ทำให้ FSS คาดว่ากรอบการบวกขึ้นวันนี้อาจจะแคบกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านได้ ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศก็ยังมียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง รวมทั้งความไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจไทย หลังช่วงนี้มีแรงกดดันจากท่าทีของทั้งสหรัฐและ EU ต่อสถานการณ์การเมืองบ้านเราอยู่ ดังนั้น FSS จึงคาดหมายว่า SET ยังมีสิทธิแกว่งผันผวน และอยู่ในช่วงแกว่งพักตัวลงต่อเนื่องอีกสักพักได้ เราจึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเข้าซื้อช่วงตลาดปรับลงเป็นลบดีกว่า
แนวรับ 1463-1460 , 1456-1451 จุด แนวต้าน 1472-1474 , 1477-1480 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดไต้หวัน US$118.9 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$19.2 ล้าน และเวียดนาม US$1.8 ล้าน แต่ขายตลาดเกาหลีใต้ US$32.7 ล้าน ไทย US$27.7 ล้าน และอินโดนีเซีย US$13.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังเบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นในระยะนี้ไม่ยั่งยืน การสู้รบกันระหว่างรัฐบาลอิรักกับฝ่ายกบฏที่รุกคืบจนยึดพื้นที่ตอนเหนือได้เกือบทั้งหมดและอยู่ห่างกรุงแบกแดดไม่ถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสถานการณ์ตึงเครียดมาเกือบ 2 สัปดาห์ ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้น 3-4% แต่ตลาดหุ้นโลกไม่ตอบสนอง กลับบวก 0.2% ส่วนตลาดหุ้นไทยทรง กลุ่ม Energy ยังคง Underperform ตลาด มีเพียง PTTEP ที่ปรับขึ้น 5% แม้ว่าการปรับขึ้นของราคาน้ำมันอย่างรวดเร็วจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศในเอเชียซึ่งเป็น Net importer น้ำมันโดยเฉพาะไทยที่นำเข้าสูงถึง 9% ของ GDP แต่เราเชื่อว่าการขยับขึ้นของราคาน้ำมันในระยะนี้ จะไม่ยั่งยืน เรายังคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปีนี้ US$100/บาร์เรล ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ US$104/บาร์เรล ปัจจุบันราคา PTTEP ใกล้เต็มมูลค่าที่ 170 บาท เราปรับลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ และมองว่า PTT (ราคาเป้าหมาย 347 บาท) เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะราคาหุ้นที่ laggard และ PE ที่ต่ำกว่า
(+) คูปองทีวีดิจิตอลอาจแจกได้ในเดือน ก.ย. กสทช.เตรียมทำ Public hearing เรื่องการแจกคูปองทีวีดิจิตอล เรื่องหลักที่จะรับฟังความเห็น คือราคาคูปอง คูปองจะแลกอะไรได้บ้าง จำนวนครัวเรือนที่จะแจก จะแจกทุกครัวเรือนหรือไม่ เป็นต้น โดยจะจัดให้มี Public hearing วันที่ 4 – 10 ก.ค. ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยกสทช.คาดว่าหากแล้วเสร็จภายใน 15 ก.ค. จะนำเสนอต่อคสช.ให้เห็นชอบ และถ้าไม่ติดขัดอะไร น่าจะแจกคูปองได้ภายในเดือน กย. นี้ หุ้น SAMART อ่อนไหวกับข่าวนี้มากกว่าหุ้นตัวอื่น ราคาหุ้นปรับลงมาแล้ว 6% ในรอบเกือบ 2 สัปดาห์จนปัจจุบันมี PE 11.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ 12.7 เท่า ขณะที่กำไรในปีนี้คาดโต 17% (PEG 0.7) จึงยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท
(+) IFEC เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่รุกเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน หลังจากขายธุรกิจเดิมที่เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารแบรนด์ Konica Minolta ออกไปและมีกำไรจากการขายประมาณ 150 ล้านบาทซึ่งจะบันทึกเข้ามา 2Q14 โดยปัจจุบัน IFEC มีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินงานอยู่ 1MW (พลังงานแสงอาทิตย์) และกำลังจะเริ่มดำเนินงานการอีกเกือบ 10MW บริษัทตั้งเป้าว่าภายในปีนี้จะมีทั้งหมด 30MW จากการเข้าไปซื้อกิจการ โดยยังไม่รวมโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะในกัมพูชาอีก 65MW ที่เซ็น MOU ไปแล้วและอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ หากเป็นไปได้ เป้าในปีหน้าที่จะเพิ่มอีก 70MW จะชัดเจนมากขึ้น หากเป็นไปตามแผนของบริษัท ในปี 2014 IFEC น่าจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิกว่า 300 ล้านบาท (รวมกำไรจากการขายธุรกิจเดิม) สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรเพียง 28 ล้านบาท หรือคิดเป็น EPS 0.21 บาท (รวมวอร์แรนท์) ถึง 0.31 บาท (ไม่รวมวอร์แรนท์) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE 14-20 เท่า ต่ำกว่าหุ้นพลังงานทดแทนที่ซื้อขายเฉลี่ย 22-28 เท่า
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 49.38 จุด โดยเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากที่ปรับตัวลงในช่วง 2 วันก่อนหน้า โดยตลาดคาดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังฟื้นตัวต่อจากนี้แม้จะมีการออกมาปรับตัวเลข GDP 1Q14 ลง
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดร่วงแรงพอควรโดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ความรุนแรงในอิรักรวมถึงการปรับลดตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ของสหรัฐ
จากตลาดหุ้นสหรัฐที่รีบาวด์ขึ้นมาได้ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดตลาดในแดนบวก แต่กรอบการขึ้นยังถูกจำกัดจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิรัก
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกทางข้างจาก Fund Flow ที่ยังเบาบาง คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.38-32.48 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.47 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 106.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข่าวว่าทางการสหรัฐฯอนุญาตให้มีการส่งออกน้ำมันดิบชนิดอัลตราไลท์บางส่วนเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นอีก 1.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,322.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดตัวเลขการเติบโตของ GDP ในไตรมาส 1 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852