- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 28 August 2015 17:11
- Hits: 1088
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +369.26, NASDAQ +115.17, S&P +47.15, FTSE +212.83, CAC +157.13 และ DAX +318.19 หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลข GDP – 2Q/58 ขยายตัว 3.7% ดีกว่าที่มีการประเมินเบื้องต้นก่อนหน้านี้ ที่ 2.3% และสูงกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.3% จากภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุนและเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายของผู้บริโภคและรัฐบาล ที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ล่าสุดลดลง 6,000 ราย อยู่ที่ 271,000 ราย ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 273,000 ราย เป็นสัญญาณตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่าเฟดมีแนวโน้มลดลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดโลก
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. +US$3.96 อยู่ที่ US$42.56 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ข้างต้น ทำให้มีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐฯ รวมถึงยังได้รับปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด ลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล (สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 450.8 ล้านบาร์เรล โดยลดลงมากที่สุดในช่วง 1 สัปดาห์นับแต่ต้นเดือนมิ.ย.
......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$2.0 อยู่ที่ US$1,122.6 ต่อออนซ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจข้างต้น ทำให้ลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,745 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -85,555 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : มีโอกาสปรับขึ้น? ตามทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ จากตัวเลข GDP – 2Q/58 ของสหรัฐฯ คาดช่วยลดความกังวลในระดับหนึ่งต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยบวกจากประเด็นที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. นี้ จากความผันผวนเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน นอกจากนี้ในระยะสั้นคาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของจีน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ
.....ทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดในระยะสั้นได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของครม. ชุดใหม่ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ที่คาดมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า (คาดนำเข้าครม. 1/9/58) คาดเน้นช่วยกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย และ SME รวมถึงกระตุ้นการลงทุนทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น คาดมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามทางด้าน Fund Flow ต่างชาติยังคงขายสุทธิ ต่อเนื่องอีกกว่า 1,700 ล้านบาท และทำให้ YTD มูลค่าขายสุทธิสูงเกือบ 86,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันคาดหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเริ่มมีแนวโน้มทรงตัวได้และเป็นโอกาสในการสะสมหุ้น เช่น กลุ่มโรงแรม (CENTEL) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, BA) เป็นต้น
...และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, STEC, TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.66 – 35.69 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก และ (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO และ VNG เป็นต้น
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 2.17% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -4.22 มาอยู่ที่ 26.10
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (28 สค.’58)
28/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล – กค. (2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้าย – ส.ค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788