- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 August 2015 16:54
- Hits: 1186
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +619.07, NASDAQ +191.05 และ S&P +72.90 โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อเก็งกำไร จากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. หลังจากมีความกังวลต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจจีน ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดออกมาสดใส ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดย (1) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 2.0% มากกว่าคาด หลังจากเพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือน มิ.น. และ (2) ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 450.8 ล้านบาร์เรล
.....ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป FTSE -102.14, CAC -63.81 และ DAX -130.69 ภายใต้การซื้อขายที่ผันผวน และได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นในธุรกิจเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรของสวิตเซอแลนด์ หลังจากบริษัทมอนซานโตของสหรัฐฯ ยกเลิกการยื่นเสนอซื้อ
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. -US$0.71 อยู่ที่ US$38.60 ต่อบาร์เรล แม้สหรัฐฯจะเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลง แต่สต็อกน้ำมันสำเร็จรูปยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องและอยู่ในระดับสูง
......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$13.7 อยู่ที่ US$1,124.6 ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้น
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -4,443 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -83,810 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ? คาดตลาดหุ้นจะสามารถปรับขึ้นได้ตามตลาดต่างประเทศ หลังจากนักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. นี้ หลังจากมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยหนุนเข้ามาบ้างในระยะสั้นจากการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย และสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ หลังล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
.....ทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดโดยรวมยังได้รับผลกระทบจากความเชื่อในการลงทุน ทางด้าน Fund Flow ต่างชาติยังคงขายสุทธิ ต่อเนื่องอีกกว่า 4,443 ล้านบาท และทำให้ YTD มูลค่าขายสุทธิสูงเกือบ 84,000 ล้านบาท ขณะที่คาดหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเริ่มมีแนวโน้มทรงตัวได้และเป็นโอกาสในการสะสมหุ้น เช่น กลุ่มโรงแรม (CENTEL) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, BA) เป็นต้น อย่างไรก็ตามคาดอาจมีแรงเก็งกำไรเข้ามาบ้างในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันล่าสุดไม่ปรับลดลงแรง รวมถึงแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ของครม. ชุดใหม่ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ที่คาดเป็น Sentiment บวกต่อตลาดได้บ้าง ซึ่งล่าสุด รมต.คลังเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเน้นช่วยกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย และยังคงนโยบายลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่อไป
...และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, STEC, TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.61 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก และ (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO และ VNG เป็นต้น
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.04 อยู่ที่ 2.17% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -5.70 มาอยู่ที่ 30.32
หุ้นแนะนำ : TASCO
ประเด็นที่ต้องติดตาม (27-28 สค.’58)
27/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขประมาณการ GDP – 2Q/58 (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (3) ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) – ก.ค.
28/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล – กค. (2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้าย – ส.ค.
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789