- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 August 2015 16:45
- Hits: 1096
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ส่วนลงทุนเน้นถือแต่ไม่ซื้อเพิ่ม...เทรดดิ้งให้รอทำกำไรช่วงบวก
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET อาจจะมีแกว่งผันผวนและย้อนลบเป็นระยะ แต่น่าจะยังอยู่ในจังหวะแกว่งตัวบวกต่อเนื่องได้ เนื่องจากยังพอที่จะมีข่าวบวกสนับสนุน ดังนั้นยังแนะนำให้ถือเพื่อรอทยอยขายทำกำไรช่วงบวกอยู่ แต่การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกยังกดดัน จึงไม่แนะนำให้ซื้อช่วงบวก
หุ้นเด่นทางเทคนิค : UNIQ, HMPRO, KCE(short)
แนวโน้ม : SET เริ่มมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ดีขึ้นพร้อมวอลุ่ม หลังจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงมาค่อนข้างลึกมากอย่างรวดเร็ว ทำให้ราคาหุ้นหลายตัวลงมาอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ จึงมีแรงซื้อกลับเข้ามาเลือกหุ้นซื้อช่วยหนุนตลาดได้บ้าง ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนยังคาดหวังเชิงบวกเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ชุดใหม่ด้วย อย่างไรก็ตามเนื่องจากความวิตกต่อปัญหาการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นแรงกดดันต่อเนื่อง จึงทำให้ SET ยังมีสิทธิแกว่งตัวผันผวนและย้อนลบเป็นระยะได้ โดยเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐก็ยังปรับตัวย้อนลงมาปิดเป็นลบกว่า 1% อีกครั้ง ทั้งๆ ที่ในระหว่างวันดัชนีดาวโจนส์ขยับบวกขึ้นไปรับข่าวการลดอัตราดอกเบี้ยของจีนด้วยการเป็นบวกกว่า 400 จุดก่อน ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้หลายแห่งยังเปิดเป็นลบอีกครั้ง แต่ FSS ยังคาดว่าแรงส่งจากความคาดหวังเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และราคาน้ำมันที่เริ่มมีจังหวะขยับบวกขึ้นมาได้บ้างแล้ว น่าจะช่วยหนุนให้ SET ยังมีแนวโน้มแกว่งบวกต่อเนื่องได้อีกสักพัก ดังนั้น FSS จึงแนะนำให้รอทยอยขายทำกำไรช่วงตลาดบวกได้
แนวรับ 1320-1315 , 1310-1307 จุด
แนวต้าน 1330-1337 , 1340-1352 จุด
Fund Flow วานนี้เงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$479 ล้าน โดยไหลกลับไต้หวัน US$140.5 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้หนาแน่น US$416 ล้าน ไทย US$92.8 ล้าน ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย US$58.8 ล้าน และ US$49.5 ล้านตามลำดับ แนวโน้มเงินทุนในภูมิภาควันนี้ยังไหลออก แม้จีนพยายามจะลดความวิตกต่อเศรษฐกิจโดยการลดอัตราดอกเบี้ยและ RRR แต่ยิ่งตอกย้ำถึงการตกต่ำของเศรษฐกิจมากขึ้น ติดตามการประชุมแจ็คสันโฮลปลายสัปดาห์ต่อการส่งสัญญาณของ FED ต่อแนวโน้มทางการเงิน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) จีนลดดอกเบี้ยและ RRR แต่ตลาดคิดว่าไม่พอ ธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 10 เดือนเย็นวานนี้ โดยลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก 0.25% เหลือ 4.6% และ 1.75% ตามลำดับ และลด RRR ลง 0.5% เป็น 18% มีผลวันนี้ การลดดอกเบี้ยและ RRR ของจีนไม่ได้เซอร์ไพร้ส์ตลาดเพราะคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ค่าเงินในเอเชียเช้านี้ยังอ่อนต่อ ตลาดมองว่ามาตรการดังกล่าวไม่พอ สอดคล้องกับในอดีตที่ผ่านมาที่การลดดอกเบี้ยและ RRR ไม่มีผลต่อทั้งตลาดหุ้นจีน ไทย และทั้งภูมิภาค (SET -0.5% หลังการประกาศ) ตลาดน่าจะอยากเห็นผลรูปธรรมของนโยบายการเงินที่ส่งผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจจริงมากกว่า ด้วยเงินเฟ้อที่ต่ำ 1.6% (ก.ค.) จีนยังลดดอกเบี้ยได้อีกหลายครั้ง
(+) ยอดผลิตรถกลับมาขยายตัวโดดเด่นในเดือน ก.ค. +9.6% Y-Y, +9.3% M-M เป็น 165,863 คัน หลักๆมาจากการเติบโตของยอดส่งออก (62% ของยอดผลิต) ที่ +11.5% Y-Y, +33% M-M หลังพ้นช่วงปลี่ยนผ่านโมเดลรถรุ่นใหม่ไปแล้ว โดยรถกระบะรุ่นใหม่ของ Toyota (Revo) ทำตลาดได้มากขึ้น และ Eco car ยังเป็นที่ต้องการในตลาดยุโรป ส่วนยอดขายรถในประเทศยังทรง M-M, -16% Y-Y แนวโน้มกำไรของกลุ่มยานยนต์ใน 3Q15 น่าจะทรง Y-Y แต่โตแรง Q-Q ตามฤดูกาล เรายังคงแนะนำซื้อ SAT (ราคาเป้าหมาย 19 บาท) EPG (เป้าหมาย 12 บาท)
(0) ตัวเลขส่งออกเดือน ก.ค. ของไทยวันนี้อาจมีเซอร์ไพร้ส์ในทางบวก ยอดส่งออกรถที่ดีขึ้นน่าจะทำให้ส่งออกของไทยเดือน ก.ค. ติดลบน้อยลงเพราะชิ้นส่วนยานยนต์ทำรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับ 1 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มยานยนต์และอิเล็คทรอนิคส์
(+) BECL-BMCL ขั้นตอนการควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทขณะนี้เหลือเพียงขั้นตอนรออนุมัติจากครม. ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับอนุมัติใน 3Q15 หลังจากนั้นจะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นร่วมเพื่อตั้งชื่อบริษัทใหม่ ทีมผู้บริหาร และรายละเอียดปลีกย่อย และเข้าสู่ขั้นตอนแลกหุ้น คาดว่าหุ้นใหม่ (BEM) จะเริ่มซื้อขายในตลาดฯประมาณ พ.ย. นี้ ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของทั้ง BECL (ราคาเป้าหมาย 47 บาท) และ BMCL (เป้าหมาย 2.40 บาท) ทำให้ BEM มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต เราแนะนำซื้อเพื่อนำไปแลกเป็นหุ้น BEM
(+) Propfund & REIT ในภาวะตลาดที่อยู่ใน Risk-off mode ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดยังอยู่ในระดับต่ำ การลงทุนใน Property Fund, REIT และ Infrastructure fund (IFF) มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น เราคิดว่า TRUIF, JASIF, TFUND และ LHSC น่าสนใจ โดยคาด Dividend yield ประมาณ 6-8% และราคาหุ้นยังต่ำกว่า NAV 4-5%
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังร่วงอีกกว่า 200 จุด แม้จะรีบาวด์กลับขึ้นได้ในช่วงเปิดตลาด โดยนักลงทุนยังกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีนแม้จะมีการประกาศลดดอกเบี้ยและการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ราว 4% หลังร่วงแรงในวันจันทร์รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมแม้จะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แต่ถูกกดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ยังร่วงลงต่อเนื่อง
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวผันผวนโดยอ่อนค่าลงเช้านี้ โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 39.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาหลังจากร่วงแรงในช่วงก่อนหน้า รวมถึงแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นบวกต่ออุปสงค์น้ำมัน
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,138.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 15.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่งรวมถึงจีนที่ลดดอกเบี้ยและ RRR กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26-ส.ค. - สหรัฐ: ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ค.)
27-ส.ค. - ไทย: ATP30เข้าเทรด (ราคา IPO 0.95 บาท), ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต (ก.ค.), ดุลการค้า (ก.ค.) (ตลาดคาดส่งออก -3.8% Y-Yนำเข้า -12% Y-Y)
- ฟิลิปปินส์: 2Q15 GDP
- สหรัฐ: 2Q15 GDP (คาดครั้งที่ 2),สัมมนาวิชาการประจำปีของ Fed
28 ส.ค. - สหรัฐ: Personal income, Personal spending (ก.ค.)
31-ส.ค. - ไทย: ธปท.รานงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.
- ตลาดหุ้นฟิลลิปปินส์และมาเลเซียปิดทำการ
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
1-ก.ย. - ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- จีน: Manufacturing and Non-manufacturing PMI (ส.ค.)
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA)ประชุม
2 ก.ย. - ออสเตรเลีย: 2Q15 GDP
- เกาหลีใต้: 2Q15 GDP
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ADP Report) (ส.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research