WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -358.04, NASDAQ -141.56, S&P -43.88, FTSE -35.56, CAC -100.55 และ DAX -249.96 แม้มีปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (1) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ล่าสุดเพิ่มขึ้น 4,000 ราย อยู่ที่ 277,000 ราย และยังเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 21 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และ (2) ยอดขายบ้านมือสอง - กค.เพิ่มขึ้น 2% อยู่ที่ 5.59 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับในรอบกว่า 8 ปี รวมถึงธนาคารกลางจีน อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศมูลค่า 1.20 แสนล้านหยวน หรือ 1.877 หมื่นล้านดอลลาร์ วานนี้ ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ซึ่งนับเป็นวงเงินสูงสุดในรอบเกือบ 19 เดือน ตั้งแต่ 28/1/57 จากความกังวลเงินทุนไหลออก หลังจีนประกาศลดค่าเงินหยวนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปัจจัยบวกดังกล่าวยังไม่สามารถชดเชยความกังวลเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว


  .....ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป จับตาสถานการณ์ของกรีซอย่างใกล้ชิด หลังนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหวังปูทางสู่การเลือกตั้งก่อนกำหนดในวันที่ 20/9/58


  .....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. +US$0.34 อยู่ที่ US$41.14 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากการเข้าเก็งกำไร และได้รับปัจจัยหนุนเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามยังคงมีความกังวลภาวะอุปทานส่วนเกิน
  ......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$25.3 อยู่ที่ US$1,153.2 ต่อออนซ์ จากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง ขณะที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (จากการรายงานการประชุมเฟดเมื่อ 28 – 29/7/58)

 

  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -4,714 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -68,659 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)

 

ทิศทางตลาด :
  ทิศทางตลาด : ผันผวน? คาดมีโอกาสปรับลดตามตลาดต่างประเทศ ภายใต้ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ที่คาดได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจของจีนซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่เฟดยังไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  ....ทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยกดดันบ้างจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ราชประสงค์ คาดยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน และคาดยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น กลุ่มโรงแรม (CENTEL และ ERW เป็นต้น) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, THAI, BA และ NOK) เป็นต้น ทางด้าน Fund Flow ต่างชาติยังคงขายสุทธิ ต่อเนื่องอีกกว่า 4,700 ล้านบาท และทำให้ YTD มูลค่าขายสุทธิ สูงเกือบ 69,000 ล้านบาท นอกจากนี้ระดับราคาน้ำมันที่ลดลงและอยู่ในระดับต่ำ คาดยังส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามแนะติดตามนโยบาย ครม.ชุดใหม่ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ที่คาดเป็น Sentiment บวกต่อตลาดได้บ้าง แต่โดยรวมคาดยังไม่สามารถชดเชยปัจจัยข้างต้นที่กดดันภาพรวมตลาด


  ...และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP หลังผลการดำเนินงาน 2Q/58 ออกมาโดดเด่น เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.63 – 35.65 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก และ (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO, VNG เป็นต้น


  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.05 อยู่ที่ 2.08% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +3.89 มาอยู่ที่ 19.14
  หุ้นแนะนำ : KTB

 

ประเด็นที่ต้องติดตาม (21 สค.’58)
  21/8/58 : - ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ -
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!