- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 21 August 2015 16:51
- Hits: 992
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังแกว่งผันผวนด้านลบ แต่น่าถือเพื่อรอรอบรีบาวด์ได้...
กลยุทธ์ : ปัจจัยการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกยังกดดัน ทำให้ SET มีสิทธิที่จะแกว่งผันผวนด้านลบต่อเนื่อง ดังนั้นถ้าจะซื้อเพิ่มเรายังแนะนำให้รอแรงขายชะลอลงก่อนดีกว่า แต่สุดท้ายแล้ว FSS ยังคาดว่า SET มีโอกาสลุ้นรอบรีบาวด์ขึ้นได้ ส่วนที่ซื้อแล้วจึงยังเน้นถือเพื่อรอขายบวกดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : COM7, M, TUF(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ยังย้อนกลับมาแกว่งทรงตัวด้านลบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศปรับ ครม. ออกมาตามคาด เพราะนักลงทุนยังต้องการรอดูการปฏิบัติงานจริงของ ครม.ชุดใหม่ก่อน ขณะที่ปัจจัยลบด้านต่างประเทศยังกดดัน หลังตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงแดนลบมากพอควร โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงกว่า 3% เมื่อวานนี้ ส่วนเช้านี้บรรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศยิ่งแย่ลงอีก หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ปิดปรับตัวลงรุนแรงมากกว่า 2% จากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวลง ทั้งๆ ที่ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี แต่ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนและการประกาศลดค่าเงินของหลายประเทศยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ ซึ่งเช้านี้ตลาดเอเชียส่วนใหญ่ยังปรับตัวลงต่ออีกกว่า 1% ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็มีโอกาสที่จะยังแกว่งตัวผันผวนด้านลบได้อีกเช่นกัน อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมา SET ปรับตัวลงมาค่อนข้างลึกมากแล้ว ดังนั้นกรอบการปรับลงช่วงนี้น่าจะเริ่มจำกัดมากขึ้น และคาดว่ายังมีลุ้นจังหวะรีบาวด์ขึ้นได้ในช่วงถัดไป ดังนั้นเรายังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนได้
แนวรับ 1370-1368 , 1365-1362 , 1360-1350 จุด
แนวต้าน 1375-1380 , 1383-1388 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$747 ล้าน มากที่สุดในรอบ 1 เดือน เงินทุนไหลออกทุกประเทศ นำโดยเกาหลีใต้ US$221.3 ล้าน อินโดนีเซีย 186 ล้าน และไต้หวัน US$175 ล้าน เงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐร่วงลงสู่ 2.096% ต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ตลาดมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีน ราคาน้ำมันที่ลดลง และสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่คาบสมุทรเกาหลี
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) กระแสเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอแล้ว ความเสี่ยงในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากความผันผวนของค่าเงินในตลาด EM (เงินหยวนอ่อนค่ากดดันค่าเงินในเอเชีย ทำให้วานนี้เวียดนามลดค่าเงินดอง 1% และคาซัคสถานประกาศลอยตัวเงิน Tenge ทำให้ค่าเงินร่วง 20%) การชะลอของเศรษฐกิจจีนและประเทศ EM ซึ่งกระทบ Demand ของสินค้า Commodity ทำให้มีทิศทางอ่อนตัว ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี และการลาออกของนายกฯกรีซ ขณะที่เช้านี้ตัวเลข Flash PMI ภาคการผลิตของจีนเดือน ส.ค. ต่ำสุดในรอบ 77 เดือน ที่ 47.1 กดดันตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้เปิดลบเฉลี่ย 1.4%
(-) สินเชื่อแบงก์เดือน ก.ค. นิ่งมาก ขยับขึ้นเพียง 0.1% M-M (1 หมื่นล้านบาท) และ +1.85% YTD KKP มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงสุด +1.2% M-M คาดว่ามาจากการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มธุรกิจบรรษัท ส่วนTISCO และ TCAP ยังคงมีสินเชื่อหดตัว กลุ่มธนาคารยังขาดปัจจัยบวกจากภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลสินเชื่อใน 3Q15 ไม่เติบโต การลงทุนน่าจะเป็นลักษณะทยอยสะสม
(+) กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างมีแรงเก็งกำไรต่อ ดัชนีกลุ่มรับเหมาเป็นกลุ่มเดียวที่ปรับตัวบวกได้นับตั้งแต่เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ 17 ส.ค. (Contractor +0.4% vs. SET -2.6%) โดยรายชื่อครม.ชุดใหม่ที่ประกาศวานนี้เป็นไปตามโผ มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกฯดูแลงานด้านเศรษฐกิจ ส่วนรมว.คลัง มีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงที่ KTB และ SCB แทนนายสมหมาย ภาษี อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้จะยืนได้ต่อไปยังขึ้นอยู่กับนโยบายเศรษฐกิจของทีมครม.ชุดใหม่
(+) PLANB กำไรสุทธิ 2Q15 เติบโตสูง 141% Q-Q และ 161% Y-Y และดีกว่าคาด จากการเติบโตของรายได้ทุกสื่อโดยเฉพาะสื่อดิจิตอล ซึ่งเป็นรายได้หลักมีสัดส่วน 45% เราเชื่อว่าการพัฒนาสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้ PLANB ขยายตัวสวนเศรษฐกิจ ประกอบกับการรับรู้รายได้จาก Hello Bangkok และจากช่องทางอื่นเพิ่มขึ้น เช่นการให้บริการ Wi-fi บนรถบัส 500 คัน และรายได้โฆษณาบนตู้ “บุญเติม” เราปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 10% เป็นโตก้าวกระโดด 104% Y-Y แต่ EPS +52% Y-Y จากผล Dilution ราคาเป้าหมายปรับขึ้นเป็น 6.60 บาทจาก 6 บาท ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมซื้อเก็งกำไร
(+) CPALL ผลกระทบจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ค่อนข้างจำกัดเพราะสาขา 7-11 กระจายอยู่ทั่วประเทศ และส่วนใหญ่เป็นของกินของใช้ ซึ่งจะเป็นบวกหากมีการซื้อตุนเพื่อทานที่บ้าน แทนการทานอาหารนอกบ้าน แนวโน้มยอดขายสาขาเดิมใน 2H15 น่าจะดีต่อเนื่อง คาดเพิ่มขึ้น 1-3% จากฐานต่ำในปีก่อน ส่วนดีลขาย MAKRO ผู้บริหารยังยืนยันต้องการขายไม่ต่ำกว่าทุน (41-45 บาท/หุ้น) แต่รอประเมินเวลาอีกครั้ง เรายังคงราคาเป้าหมาย 54 บาท ราคาหุ้นปรับลงมาจนมี upside กว่า 10% แล้ว น่าซื้อสะสมอีกครั้ง
(-) ERW จากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในช่วง 3 เดือนข้างหน้าซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วง High season รร.แกรนด์ไฮแอทเอราวัณถูกกระทบเพราะติดกับที่เกิดเหตุ เราจึงปรับกำไรปกติปีนี้ลง 30% เหลือ 196 ล้านบาท ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 4.70 บาทจาก 5.70 บาท (DCF) แม้ว่าจะมี upside กว่า 20% แนะนำซื้อแบบไม่รีบร้อน
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบราว 2% ถึงแม้จะมีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีของสหรัฐ แต่ตลาดได้รับแรงกดดันของตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัว
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมายังคงปิดลบแรงเป็นวันที่ 2เช่นกัน จากแรงวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย FED
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบเช่นกันจากความกังวลต่อเศรษฐกิจของภูมิภาค หลังหลายประเทศเริ่มปรับลดค่าเงินและอัตราดอกเบี้ย และนักลงทุนจับตาดูเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด
(0) ค่าเงินบาทมีทิศทางขยับอ่อนค่าอีกครั้งในกรอบ 35.55-35.62 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 41.14ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.34 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังราคาปรับลงแรกในวันก่อนหน้า และได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,153.20 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 25.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากตลาดหุ้นตัวโลกปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยประเภททองคำเพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21-ส.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ก.ค.)
- ฟิลลิปปินส์: ตลาดหุ้นปิดทำการ เนื่องในวัน Ninoy Aquino Day
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
24-ส.ค. - ไทย:ดุลการค้า (ก.ค.)
- จีน:Caixin China PMI Manufacturing (ส.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ส.ค.)
25-ส.ค. - สหรัฐ: S&P/CaseShiller Index (มิ.ย.), ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
26 ส.ค. - สหรัฐ: ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ค.)
27-ส.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต (ก.ค.)
- ฟิลิปปินส์: 2Q15 GDP
- สหรัฐ: 2Q15 GDP (คาดการณ์ครั้งที่ 2)
28 ส.ค. - สหรัฐ: Personal income, Personal spending (ก.ค.)
31-ส.ค. - ไทย: ธปท.รานงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.
- ฟิลลิปปินส์: ตลาดหุ้นปิดทำการ
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research