- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 20 August 2015 18:01
- Hits: 1787
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
กลับมากังวลเศรษฐกิจโลกใหม่
คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ ปัจจัยลบภายในประเทศเสริมด้วยความกังวลเศรษฐกิจโลกรอบใหม่อันสืบเนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วทั้งระบบ อันที่จริง ทีมเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล และการตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐ-เอกชนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นับเป็นปัจจัยบวก แต่ผลกระทบเหตุระเบิดต่อการท่องเที่ยวมีน้ำหนักมากกว่า
หุ้นเด่นวันนี้ : DTAC (ราคาปิด 66.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 58 ของ AWS 84.00 บาท)
บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ของเราจากกราฟทางเทคนิคที่บ่งชี้ว่าเริ่มมีการฟื้นตัวของราคาหุ้นหลังได้เกิดสัญญาณซื้อรายวันมาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่ามีแนวโน้มที่ราคาจะค่อยๆปรับตัวขึ้นเพื่อไปทดสอบเป้าหมายแรกที่ 78.75 บาท ถือเป็น Upside Gain ที่เป็นไปได้มากถึง 19% ด้านปัจจัยพื้นฐานราคาหุ้นได้ลดลงไปมากแล้วจากการที่กำไรของ DTAC ได้ชะลอตัวลงเพราะกลยุทธ์ราคาเชิงรุกเพื่อปกป้องฐานลูกค้าและการลงทุนอย่างมากในเครือข่าย ปัจจุบันได้มีข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง DTAC และ ADVANC ในการเป็นพันธมิตรร่วมแชร์เสาสัญญาณร่วมกัน ซึ่งน่าจะช่วยให้ DTAC สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายโครงข่ายการใช้ร่วมกันได้ น่าจะผลักดันให้กำไรมีทิศทางที่ดีขึ้น เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่มีทิศทางเป็นลบนั้นเริ่มที่จะลดลงต่ำกว่ามูลค่าแท้จริงและเทขายมากเกินไป เมื่อพิจารณาราคาเป้าหมายของเราที่ 84 บาทนั้น คิดเป็นอัพไซต์ +27% ซึ่งเริ่มน่าสนใจ นอกจากนี้ DTAC ยังเป็นบริษัทที่จ่ายปันผลสูงเป็นอันดับต้นๆ ของหุ้นขนาดใหญ่ จากราคาที่ถูกลงทำให้คาดการณ์ปันผลตอบแทนสูงถึง 5.9% ปี (แนวต้าน: 66.75, 67.50, 68.50; แนวรับ: 66.00, 65.25, 64.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ผลลบต่อท่องเที่ยวจากระเบิด อดีตประธานสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยวกล่าวว่า 5% ของแพ็คเกจทัวร์ที่มายังกรุงเทพถูกยกเลิก จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตนเองโดยเฉพาะจากจีนและฮ่องกงลดลงอย่างมาก สมาคมผู้ประกอบธุรกิจย่านถนนข้าวสารกล่าวว่าเหตุการณ์ระเบิดทำให้ยอดขายที่ร้านอาหารและผับลดลง 70% (Bangkok Post)
ยังคงเป้าจำนวนนักท่องเที่ยว รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังคงเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวแม้จะมีความเป็นไปได้ที่อาจพลาดเป้าจากการก่อการร้าย สำหรับเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้อยู่ที่ 28.8 ล้านคนและเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว 2.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 24.7 พันล้านคนและ 2.2 ล้านล้านบาท ตามลำดับ (Bangkok Post)
สมคิดมาแทนหม่อมอุ๋ย นายกฯ ยืนยันวานนี้ว่าอดีต รมว.คลัง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์จะมาเป็นรองนายกฯ คนใหม่และนำทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ (The Nation)
รมว.คลังขอให้ผู้มารับตำแหน่งต่อเดินหน้าเรื่องภาษีที่ดิน นายสมหมาย ภาษี รมว.คลังที่ใกล้ต้องออกจากตำแหน่งได้ขอให้ผู้ที่มารับตำแหน่งแทนผลักดันเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คาดการณ์กันว่าอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อดีตประธานธนาคารกรุงไทยจะเป็นผู้มานั่งตำแหน่งนี้แทน (Bangkok Post)
ความร่วมมือภาครัฐ-ภาคเอกชนที่จะเกิดขึ้นในเดือน ม.ค. โดยคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจเปิดเผยถึงความคืบหน้าในการร่างแผนความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาลและเอกชน (PPP) สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทางว่าจะเริ่มขึ้นในเดือน ม.ค. ปีหน้า และคาดจะสามารถเริ่มงานก่อสร้างได้ในช่วง 1H60 (The Nation)
ต่างประเทศ :
มีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งของจีน ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นกลุ่มพลังงานและโลหะต่าง ๆ ปรับตัวลง (Reuters)
เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังการเผยแพร่รายงานการประชุมเฟด ดัชนีเงินดอลลาร์เมื่อวันพุธปิดลดลง 0.7% อยู่ที่ 96.38 จุดหลังจากการเผยแพร่รายงานการประชุมเฟดซึ่งทำให้มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ดัชนีดังกล่าวแตะระดับต่ำที่ 96.359 จุดในระหว่างวัน (Reuters)
รัฐสภาเยอรมันและฮอลแลนด์อนุมัติแผนช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ รัฐสภาเยอรมันลงมติให้ความช่วยเหลือด้วยคะแนนเสียง 454-113 โดยมีผู้งดออกเสียง 18 ราย ทั้งนี้ 63 ส.ส. และส.ว. พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเมอร์เคลจากจำนวนทั้งหมด 311 ลงมติคัดค้านและงดออกเสียงส่งสัญญาณต่อสถานภาพทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีเยอรมันคนปัจจุบัน ในขณะเดียวกัน รัฐสภาฮอลแลนด์ก็ลงมติอนุมัติ ดังนั้น คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือกรีซได้เริ่มปล่อยเงินงวดแรกแก่กรีซได้ทันที (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงต่อเมื่อวันพุธ หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่าเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้นักลงทุนในตลาดไม่แน่ใจว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่ (Reuters)
รายงานการประชุมเฟด รายงานการประชุมเฟดประจำเดือนกรกฎาคมระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจกำลังใกล้ถึงจุดที่อัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับตัวสูงขึ้นแต่ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่และเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนแอทำให้เสี่ยงเกินไปที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Reuters)
ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินร่วงมากที่สุดนับแต่ปี 2538 ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก่อน ราคาเชื้อเพลิงและอาหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดัชนีได้ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนกรกฎาคม 58 ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.2% เป็นเดือนที่สองที่ดัชนีรายปีเพิ่มขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงซึ่งทำให้ดัชนีปรับตัวลงในเดือนมกราคม (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปปรับตัวลงในวันพุธ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากความกังวลต่อการเติบโตของจีนและข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ (Reuters)
เอเชีย :
ตลาดเซียงไฮ้และเซินเจิ้นปรับตัวขึ้นกว่า 1.2% เมื่อวันพุธ จากที่ได้ปรับตัวลดลงกว่า 5% ในช่วงก่อนหน้า ธนาคารกลางยังได้อัดฉีดเงินเข้าระบบสถาบันการเงินเป็นวันที่สอง (Reuters)
ธนาคารจีนเร่งอัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมาก ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 110 พันล้านเรนมินบิ (17.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าระบบสถาบันการเงินผ่านการปล่อยกู้สินเชื่อระยะกลางให้ 14 สถาบันการเงินในวันพุธ เมื่อวันอังคารธนาคารกลางจีนได้อัดฉีด 120 พันล้านเรนมิ (18.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในตลาดเงินผ่านการซื้อคืนพันธบัตรอายุ 7 วัน ซึงนับเป็นการอัดฉีดเงินครั้งใหญ่สุดนับต้องแต่เมื่อสัปดาหก์ที่ 9 ก.พ. (Reuters)
ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมจัดทำโดยรอยเตอร์/ทังกัน เพิ่มขึ้นเป็น 17 ในเดือนส.ค. จาก 14 ในเดือนก่อนหน้า ถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่ระดับ 20 เมื่อ ส.ค.2014 คาดว่าดัชนีดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 19 ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคค้าปลีกเพิ่มเป็น 18 ในเดือน ส.ค. จาก 0 ในเดือนก่อนหน้า ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการบริโภคภาคเอกชนซึ่งคิดเป็น 60% ของ GDP (Reuters)
เวียดนามลดค่าเงินด็องเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ เพื่อพยุงการส่งออกหลังจากจีดลดค่าเงินหยวน ธนาคารกลางลดอัตรากลางของเงินด็อง 0.99% มาอยู่ที่ 21,890 ด็อง/ดอลลาร์ และขยายขอบเขตการเคลื่อนไหวของเงินด็องเป็น 3% จากเดิม 2% (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ทองร่วงจาก Fed ยังคงดอกเบี้ยต่ำ ตามรายงานการประชุมของ Fed ที่ระบุว่าไม่น่าขึ้นดอกเบี้ยใน ก.ย. กอปรกับดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้ทองคำตลาดจรพุ่งขึ้น 16.45 ดอลลาร์หรือ 1.47% สู่ 1,134.06 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันพุธปรับตัวลงแรงจากแรงกดดันด้านอุปทาน หลังจากที่ EIA รายงานปริมาณสต็อกน้ำมันดิบ ณ แหล่ง Cushing รัฐ Oklahoma ประจำสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มสูงขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ 456.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 777,000 บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลดลง 1.82 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (-4.3%) จากวันก่อนหน้ามาปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 1.65 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (-3.4%) มาอยู่ที่ 47.19 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094