- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 August 2015 15:50
- Hits: 1020
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET มีปัจจัยลบใหม่กดดัน แต่ถ้าไม่ลุกลามก็ยังลุ้นแรงซื้อได้
กลยุทธ์ : แม้จะมีสถานการณ์ระเบิดมากดดันเพิ่ม แต่คาดว่าถ้าสถานการณ์ไม่ลุกลามไปมากกว่านี้ ก็ยังมีโอกาสที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ SET กลับไปรีบาวด์อีกครั้งได้ ดังนั้นยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนดีกว่า ส่วนถ้าจะเลือกหุ้นซื้อเพิ่มในช่วง SET ลบต้องเน้นเลือกหุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TPOLY, PAF, BDMS(short)
แนวโน้ม : บรรยากาศการลงทุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ไม่ได้เลวร้ายนัก หลังเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังสามารถกลับมาปิดเป็นบวกต่อเนื่องได้ แม้ว่าในช่วงเปิดทำการดัชนีดาวโจนส์จะปรับลงก่อนถึงกว่า 100 จุดเนื่องจากดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมของสหรัฐร่วงลงในเดือน ส.ค. แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะฟื้นตัวกลับมาแกว่งบวกเกือบตลอดวัน โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี อย่างไรก็ตามเช้านี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับแรงกดดันจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก หลังเมื่อเย็นวานนี้มีเหตุการณ์ระเบิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทย โดยมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ถึงแม้ว่าหลังเกิดระเบิดจะยังไม่มีสถานการณ์รุนแรงต่อเนื่อง แต่ FSS คาดว่า SET มีโอกาสที่จะเกิดแรงขายในลักษณะ panic sell ก่อนได้ในช่วงแรก เพื่อรอดูว่าภาครัฐสามารถควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบไว้ได้ต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งถ้าเหตุการณ์ไม่ได้ลุกลามออกไปมากกว่านี้ เราคาดว่าตลาดจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้รีบาวด์ขึ้นมาเคลื่อนไหวเป็นปกติได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเรายังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนดีกว่า
แนวรับ 1402-1398 , 1390-1380 , 1375-1370 จุด
แนวต้าน 1410-1414 , 1418-1422 จุด
Fund Flow กระแสเงินทุนไหลวานนี้ไหลออกสุทธิ US$369 ล้าน ส่วนใหญ่เป็นการไหลออกจากเกาหลีใต้ US$335 ล้าน มีประเทศไทยแห่งเดียวที่เป็นซื้อ US$70 ล้าน แนวโน้มเงินทุนยังคงไหลออกโดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อคืนนี้ ความกังวลของตลาดโดยรวมยังอยู่ที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ปลายปีนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) เหตุระเบิดกลางกรุงกระทบจิตใจคนไทยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างแรง ในภาคเศรษฐกิจ กระทบภาคการท่องเที่ยวโดยตรง (AOT, AAV, ERW และสายการบินอื่น) โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเอเชียซึ่งเป็นลูกค้าหลักของไทย เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ในอดีต 2 ครั้งคือ
1. เหตุวางระเบิด 9 จุดในช่วง 31 ธ.ค. 2006 SET ปรับลงลึกสุด 64 จุดหรือ 9.6% ภายใน 6 วัน หลังจากนั้นใช้เวลาอีก 20 วัน SET จึงกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดเหตุ
2. เหตุระเบิดในกรุงเทพเดือน ก.พ. 2012 SET ปรับลง 10.8 จุด หรือ 1% กินเวลาเพียง 1 วัน หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น SET กลับเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นตามเดิม
เป็นไปได้ว่า SET วันนี้อาจปรับลง 10-30 จุด หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ PE ปรับลงเหลือ 14.8 เท่าในปีนี้ และเหลือเพียง 13-13.3 เท่าในปีหน้า นับเป็นระดับที่ถูกสำหรับการลงทุนระยะยาว
(0) GDP ไทยชะลอตามคาด GDP 2Q15 ขยายตัว 2.8% Y-Y ชะลอจากไตรมาสแรกที่โต 3% Y-Y โดยมีการใช้จ่ายของภาครัฐและภาคท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกหดตัว โดยรวมครึ่งปีแรกเศรษฐกิจขยายตัว 2.9% Y-Y สภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือ 2.7-3.2% โดยมองว่าการลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยว และส่งออกจะดีขึ้นจาก 1H15 เราคิดว่าตัวเลขดังกล่าวไม่กระทบตลาด เพราะนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลงแล้วเหลือเฉลี่ย 2.7-2.8%
(-) CPF เราปรับลดราคาเป้าหมายปีนี้ลงอีกครั้งเหลือ 24 บาทจากเดิม 26 บาท (SOTP) จากการปรับกำไรปกติปีนี้ลง 35% เป็นหดตัวถึง 62% Y-Y เพราะกำไรที่ทำได้เพียง 19 ล้านบาทใน 1H15 แนวโน้มใน 2H15 จะเริ่มฟื้นตัวตามฤดูกาล และราคาหมูที่ฟื้นเพราะผลผลิตจะออกสู่ตลาดน้อยลง ธุรกิจกุ้งขาดทุนน้อยลง ธุรกิจต่างประเทศทรงตัวในระดับดี ยกเว้นตุรกีที่ขาดทุนเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ส่วนราคาไก่ในประเทศยังถูกดดันจากภาวะ Oversupply จึงน่าจะทำได้เพียงทรงตัว แนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ปี 2016 น่าจะดีขึ้นตามราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่วนไก่น่าจะเข้าสู่สมดุลระหว่าง Demand-Supply ราคาหุ้นที่ปรับลงมาลึกทำให้ PE ปีหน้าเหลือเพียง 12.6 เท่า จึงแนะนำถือ
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกนำโดยหุ้นในกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านหลัง NAHB เปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังจับตาดูรายงานการประชุม FED ที่จะเปิดเผยในช่วงกลางสัปดาห์นี้
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนโดยตลาดยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง นอกจากนี้ยังจับตาดูสถานการณ์ของกรีซในการขอความช่วยเหลือทางการเงินรอบที่ 3
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวค่อนมาในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามตลาดยังจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจทั้งฝั่งยุโรปและสหรัฐฯในช่วงท้ายวัน
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าแรงหลังจากมีเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.60 บาท/ดอลลาร์ แต่แนวโน้มยังมีโอกาสอ่อนไปแตะบริเวณ 36 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 41.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.63 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยยังคงกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังคงส่งสัญญาณชะลอตัว
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,118.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับขึ้น 5.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขดัชนี Empire State Index เดือน ส.ค. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
18-ส.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts & Building permits (ก.ค.)
19-ส.ค. - สหรัฐ:อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
20-ส.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ก.ค.)
- สหรัฐ: Fed Minutes จากการประชุม 28-29 ก.ค., ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านเก่า (ก.ค.)
21 ส.ค. - ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
24-ส.ค. - ไทย:ดุลการค้า (ก.ค.)
- จีน:Caixin China PMI Manufacturing (ส.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ส.ค.)
25-ส.ค. - สหรัฐ: S&P/CaseShiller Index (มิ.ย.), ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
26 ส.ค. - สหรัฐ: ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ค.)
27-ส.ค. - ฟิลิปปินส์: 2Q15 GDP
- สหรัฐ: 2Q15 GDP (คาดการณ์ครั้งที่ 2)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research