WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -0.33, NASDAQ +7.60, S&P +1.98, FTSE -93.35, CAC -173.60 และ DAX -369.04 ภายใต้ปัจจัยลบจาก ความกังวลเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากค่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ตามตลาดฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้ายของการซื้อขาย จากการที่ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานและหุ้นแอปเปิ้ลที่เพิ่มขึ้น
  .....ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบจากการที่จีนลดค่าเงินหยวนลง 2 วัน ติดต่อกัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลง เนื่องจากจีนถือเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของตลาดยุโรปรองจากสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลลบโดยตรงต่อผู้ผลิตรถยนต์, ผู้ผลิตสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคของยุโรป
  .....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. +US$0.22 อยู่ที่ US$43.30 ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากดิ่งลงในวันก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบ 6 ปี โดยราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากการอ่อนค่าของค่าเงินหยวนและความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
  ......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$19.5 อยู่ที่ US$1,123.6 ต่อออนซ์ จากประเด็นการลดค่าเงินหยวนของจีนและสงครามค่าเงินระหว่างประเทศต่างๆ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ –1,215 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -50,168 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)

 

ทิศทางตลาด :
  ทิศทางตลาด : ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสลดลงโดยเฉพาะจากหุ้นกลุ่มหลัก ทั้งหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบ 6 ปี และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนลดค่าเงินหยวน โดยทางการจีนลดค่าเงินหยวนลง 2% ในวันอังคาร และปรับลดค่ากลางของหยวนในวันพุธมาที่ 6.3306 จาก 6.2298 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะตลาดยุโรปซึ่งมีการส่งออกไปจีนสูงเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ นอกจากนี้อยู่ระหว่างรอดูท่าทีของเฟดในการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ก่อนหน้านี้ประธานเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้ หากการเติบโตเศรษฐกิจเป็นไปตามคาด
  ….ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังคงเป็นประเด็นเดิมที่กดดัน (-) ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการบริโภคในประเทศ การลงทุนภาคเอกชน และส่งออก รวมถึง Fund Flow ล่าสุดต่างชาติขายสุทธิยังขายสุทธิต่อเนื่อง และทำให้ YTD มูลค่าขายสุทธิสูงกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งยังแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่ยังมีทิศทางอ่อนค่า และคาดยังส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติให้มีการขายออกมาต่อเนื่อง
  .....ประเด็นดังกล่าวส่งผลลบต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีก ซึ่งยังไม่เหมาะในการเข้าซื้อเก็งกำไร
  ...และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC และ BCP หลังผลการดำเนินงาน 2Q/58 ออกมาโดดเด่น เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.23 – 35.27 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO, VNG เป็นต้น และ (5) กลุ่มท่องเที่ยวยังคงได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หุ้นที่ได้รับผลดี เช่น CENTEL
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.13% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.10 มาอยู่ที่ 13.61
  หุ้นแนะนำ : SYNTEC

 

ประเด็นที่ต้องติดตาม (13 - 14 สค.’58)
  13/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ราคานำเข้าและส่งออก - กค. (3) ยอดค้าปลีก - กค.
(4) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - มิย.
  14/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - กค. (2) การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต - ก.ค.
(3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้น - สค.

นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!