- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 11 August 2015 17:38
- Hits: 2512
บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Daily Strategy
ตลาดหุ้นวานนี้: ภาวะตลาดหุ้นยังซบเซาต่อเนื่องเพราะขาดปัจจัยใหม่หนุน SET ปิดปรับลง -8.66 จุด ปิดที่ 1,420.13 จุด จากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน และราคาหุ้น SCC และ SCCC ที่ปรับลงจากการขึ้นเครื่องหมาย XD นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 817 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 แต่ยัง Net Long TFEX 438 สัญญา เป็นวันที่ 2 และซื้อในตลาดพันธบัตร 315 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: รีบาวด์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ (Mini Rally) นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน แม้ปัจจัยลบเดิมยังไม่คลี่ลาย แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ก.ย นี้
กลยุทธ์วันนี้: เน้นเล่นสั้น เก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงงานและ หุ้น Market Cap ใหญ่
Trading วันนี้ : แนะขายทำกำไร TASCO (ได้รับผลลบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น)
Accumulative BUY: SCN EPG TPCH และ GUNKUL
กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดี: พลังงานทดแทน ท่องเที่ยว Healthcare และสื่อสาร
High Div. Stock: ADVANC, TVO, INTUCH, BTS KSS report วันนี้: GUNKUL (ซื้อ/เป้า 27.50 บาท) QH (ซื้อ/เป้า 2.90 บาท) SPCG (ถือ/เป้า 28.25 บาท) SAWAD (ซื้อ/เป้า 44 บาท) TOP (ซื้อ/เป้า 63 บาท)
หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้:-
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย : เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐพุ่ง 241 จุด หลังร่วงลงติดต่อกัน 7 วัน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวหลังจีนรายงานตัวเลขนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์และตลาดหุ้นจีนที่ปรับขึ้นวานนี้ ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นพลังงานและนักลงทุนมีมุมมองในเชิงบวกต่อแนวโน้มการให้ความช่วยเหลือกรีซ ซึ่งจะทำให้ไม่ผิดนัดชำระหนี้ที่กำหนดจ่ายให้ ECB 3 พันล้านยูโรในวันที่ 20 ส.ค นี้ ส่วนตลาดหุ้นจีนพุ่ง 4.5% จากความคาดหวังว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่หลังส่งออกแย่
(+) เราคาดว่าเฟดอาจจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC 16-17 ก.ย นี้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นโลก : แม้ตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่สดใสจะเป็นแรงผลักดันให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่เฟดยังไม่บรรลุเป้าหมายสำคัญที่จะเป็นตัวบ่งชี้ให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย คือ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานต้องแตะระดับ 2% ซึ่งล่าสุดในเดือนมิ.ย อยู่ที่ 1.8% และ อัตราการว่างานต้องแตะระดับ 5.2% ปัจจุบันอยู่ที่ 5.3% ขณะเดียวกันหากพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ก็ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 2.2% สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะยังอยู่ในระดับต่ำ ในทางตรงข้ามหากอัตราผลตอบแทนสหรัฐอายุ 10 ปีปรับขึ้นจะบ่งชี้ว่าแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐปรับขึ้นในระยาว ซึ่งวันนี้เรายังไม่เห็นสัญญาณนั้น ดังนั้นประเด็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยน่าจะคลี่คลายบ้าง แต่ก็จะไปขึ้นอยู่กับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในระยะถัดไปที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
(+) ดอลลาร์อ่อนค่า ทองและน้ำมันดิบปรับขึ้นจะหนุนตลาดหุ้นวันนี้ : เมื่อคืน WTI ปรับขึ้น US$1.09/บาร์เรล มาอยู่ที่ US$44.96/บาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาอ่อนค่าและจีนรายงานตัวเลขนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวิตการณ์ อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะยืนอยู่ในระดับต่ำนี้ไม่นานเพราะหากต่ำไปมากกว่านี้ผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐจะขาดทุนและหยุดผลิต วันนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานน่าจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น
(0) ความเชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหุ้นที่ยังไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ดีตลาดได้รับรู้ประเด็นนี้ไปค่อนข้างมากแล้ว : สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ส.ค ที่มีต่อปัจจัยการลงทุนใน 3 เดือนข้างหน้า ตกต่ำสุดในรอบ 14 เดือน สะท้อนเศรษฐกิจที่ซบเซา กำลังซื้อหด ส่งออกติดลบต่อเนื่อง