WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +241.79, NASDAQ +58.26, S&P +26.61, FTSE +17.73, CAC +40.66 และ DAX +113.95 ภายใต้ปัจจัยบวกจาก (1) บริษัท เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ประกาศซื้อกิจการพรีซิชั่น แคสต์พาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมการบินที่กำลังประสบปัญหาจากราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ด้วยมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 3.236 หมื่นล้านUSD และ (2) หุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจีนนำเข้าน้ำมันดิบ - กค. เพิ่มขึ้น 29% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่30.71 ล้านตัน อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอดูท่าทีของเฟดในการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  .....ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนจากมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มการให้ความช่วยเหลือกรีซ หลังเจ้าหนี้ทั้ง 4 รายของกรีซ ซึ่งได้แก่ ECB กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) มีความคืบหน้าในการพิจารณารายละเอียดของแผนการปฏิรูป เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแผนการดังกล่าวเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้กรีซได้รับความช่วยเหลือมูลค่า 8.6 หมื่นล้านยูโร หรือ 9.3 หมื่นล้านUSD ขณะที่กรีซมีหนี้ครบกำหนดชำระให้กับ ECB มูลค่ามากกว่า 3 พันล้านยูโร ในวันที่ 20/8/58
  .....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน กย. +US$1.09 อยู่ที่ US$44.96 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยบวกจาก (1) การนำเข้าน้ำมันดิบของจีน - กค. เพิ่มขึ้น 29% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 30.71 ล้านตัน และ (2) เงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง ทำให้สัญญาน้ำมันดิบ มีราคาถูกลงและน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
  ......ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธค. +US$10.0 อยู่ที่ US$1,104.1 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง รวมถึงถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟด ทำให้เกิดความไม่แน่ใจว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกย. หรือไม่?
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -817 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -48,953 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)

 

ทิศทางตลาด
  ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามคาดการปรับขึ้นยังเป็นไปอย่างจำกัด ภายใต้ประเด็นเดิมในประเทศที่กดดัน (-) ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการบริโภคในประเทศ การลงทุนภาคเอกชน และส่งออก รวมถึง Fund Flow ล่าสุดต่างชาติขายสุทธิยังขายสุทธิต่อเนื่อง และทำให้ YTD มูลค่าขายสุทธิสูงกว่า 48,000 ล้านบาท ซึ่งยังแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่ยังมีทิศทางอ่อนค่า และคาดยังส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
  .....อย่างไรก็ตามคาดมีแรงเก็งกำไร (1) กลุ่มธนาคาร จากแรงกดดันส่วนต่างดอกเบี้ยลดลงในช่วง 2H/58 หลัง กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% และ (2) อยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน – ต้นสัปดาห์หน้า
  ….ทางด้านประเด็นต่างประเทศ อยู่ระหว่างรอดูท่าทีของเฟดในการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ก่อนหน้านี้ประธานเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้ หากการเติบโตเศรษฐกิจเป็นไปตามคาด

  ...และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC และ BCP หลังผลการดำเนินงาน 2Q/58 ออกมาโดดเด่น เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น ITD, CK, SEAFCO และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 35.07 – 35.09 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO, VNG เป็นต้น และ (5) กลุ่มท่องเที่ยวยังคงได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หุ้นที่ได้รับผลดี เช่น CENTEL

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.06 อยู่ที่ 2.24% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.16 มาอยู่ที่ 12.23

 

หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (11 - 14 สค.’58)
  11/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงาน ต่อหน่วย – 2Q/58 (2) สต็อกสินค้าและยอดค้าส่ง - มิย.
  12/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) สต็อกน้ำมัน (2) งบประมาณของรัฐบาลกลาง - กค.
  13/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ราคานำเข้าและส่งออก - กค. (3) ยอดค้าปลีก - กค. (4) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - มิย.
  14/8/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - กค. (2) การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต - ก.ค. (3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้น - สค.

หุ้นแนะนำ
CK : ราคาเป้าหมาย (ปี’58) 32.20 บาท
  ล่าสุดการรถไฟแห่งประเทศไทย มีการประกาศร่าง TOR โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางฉะเชิงเทรา – คลอง 19 – แก่งคอย สัญญาที่ 1 มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดน่าสามารถยื่นซองประมูลได้ในเดือนกย. และใช้เวลาอีกประมาณ 2 – 3 เดือนทราบผล โดยรวมคาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึง CK
  CK มีความสามารถในการรับงานทุกประเภท ขณะที่ล่าสุดมี Backlog ประมาณ 87,000 ล้านบาท อยู่ในระดับที่คาดสามารถรองรับการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 – 4 ปีข้างหน้า
  CK ยังมีจุดเด่นจากธุรกิจที่เข้าลงทุน ช่วยลดความเสี่ยงจากรายได้งานก่อสร้างที่มีความผันผวน และ CK ยังได้รับประโยชน์จาก (1) การรับงานก่อสร้างจากบริษัทที่ร่วมลงทุน ซึ่งที่ผ่านมามีงานก่อสร้างที่ได้รับทั้ง BECL, TTW, CKP และไซยะบุรี (2) เงินปันผลที่ได้รับต่อเนื่อง และ (3) กำไรจากการขายเงินลงทุน ซึ่งใน 2Q/58 จะมีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในไซยะบุรี ให้กับ CKP คาดกำไรไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน คาด CK ได้ประโยชน์ทันทีหลังควบรวม BECL และ BMCL ในเดือนสค. นี้ ทั้งลดภาระเงินลงทุน และคาดได้รับเงินปันผล
ประเมินราคาเป้าหมายปี’58 ที่ 32.20 บาท

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!