- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 10 August 2015 17:59
- Hits: 1319
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
เข้าสู่โค้งสุดท้ายของฤดูรายงานงบ 2Q58
SET View
แนวโน้ม วันนี้ มอง SET พักตัว ทดสอบแนวรับ 1420 จุด (เคยเปิด gap กระโดดเมื่อ 31 ก.ค.) แรงกดดันหลักยังมาจากราคาน้ำมัน ยังไม่ฟื้น Brent ลงมาเหลือ 48.6 เหรียญฯ/บาร์เรล ส่วน WTI เหลือ 43.9 เหรียญฯ/บาร์เรล ทำให้ SET ซึ่งมีสัดส่วนกลุ่มพลังงานค่อนข้างมาก (ราว 16% ของ Market cap.) ฟื้นตัวได้ยาก นอกจากนี้ มีความเสี่ยงจากการ Sell on fact หลังประกาศงบ
SET ยังไม่พ้นอิทธิพลขาลง มีโอกาสแกว่งตัวลงไปทดสอบระดับ 1400 จุดอีกครั้ง การเก็งกำไรควรมีความระมัดระวัง กำหนดจุดตัดขาดทุนอย่างเคร่งครัด ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว จุดน่าสนใจในเชิง Valuation และเชิงเทคนิค คือ โซน 1360-1375 เทียบเท่า P/E 14.9 เท่า (ค่าเฉลี่ย 13 ปี + 0.5S.D.) และใกล้เคียงเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์
ข่าว/ดัชนีเศรษฐกิจ
วันนี้ หุ้น IPO บริษัท COM7 เข้าซื้อขายวันแรก ในหมวดพาณิชย์ ในตลาด SET ราคา IPO 3.35 บาท ราคาพาร์ 0.25 บาท
คาดวันนี้มีการรายงานงบ 2Q58 ของหลายบริษัทดังนี้ TOP, PLANB, THCOM, SAWAD, BEAUTY, CHG, PTTGC
วันพรุ่งนี้ (11 ส.ค.) สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เริ่มลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงจากเดิม 50 ล้านบาท/คน/สถาบันการเงิน เหลือ 25 ล้านบาท ทาง สคฝ.มองว่า ไม่กระทบต่อผู้ฝากเงินมากนัก เพราะเกณฑ์ดังกล่าวยังคงครอบคลุมผู้ฝากเงินถึง 99.94% ในระบบ
กลยุทธ์การลงทุน : เก็งกำไรระยะสั้น รอซื้อใกล้แนวรับ 1420 จุด
Top Daily Pick : SAWAD (มูลค่าเหมาะสม 49.75 บาท) รายงานงบวันนี้ คาดกำไรสุทธิ 2Q58 เติบโตแรง 54% YoY และ ADVANC (มูลค่าเหมาะสม 288 บาท) คาดมีแรงซื้อกลับเข้ามาเพื่อรับปันผล ขึ้น XD ในวันพรุ่งนี้ (11 ส.ค.)
Technical Pick : NCH GENCO LOXLEY EFORL AKP (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)
Theme Plays : การประมูล 4G เริ่มนับหนึ่งในเดือนนี้ (ADVANC, INTUCH)/ หุ้นอสังหาฯที่ซื้อขายด้วย P/E ratio ค่อนข้างต่ำ (SPALI, QH) / หุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (KCE, SVI, SAPPE)/ หุ้นที่คาดว่า งบ 2Q58 เติบโตโดดเด่น (CK, LPN, SPALI, PLANB, SAPPE, SYNTEC)
Strategy Talk
เศรษฐกิจสหรัฐฯแกร่งสวนทางประเทศหลักอื่น
เมื่อวันศุกร์ สหรัฐฯรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 2.15 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.25 แสนตำแหน่ง อย่างไรก็ดี มีการปรับเพิ่มตัวเลขในเดือนก่อนหน้าอีก 1.4 หมื่นตำแหน่ง ดังนั้น แนวโน้มการจ้างงานของสหรัฐฯ ถือว่า ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 5.3% เป็นไปตามตลาดคาด ซึ่งเป็นระดับก่อนเกิดวิกฤติซับไพรม์ ดัชนีตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Fed เตรียมขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย.นี้
ในทางตรงกันข้าม ดัชนีการค้าระหว่างประเทศของจีน ออกมาย่ำแย่ กล่าวคือ ยอดส่งออกเดือน ก.ค. หดตัว 8.3% YoY ต่ำกว่าคาดที่ -1.5% YoY ส่วนยอดนำเข้า ลดลง 8.1% YoY การส่งออกไปสหรัฐฯขยายตัว 9.3% YoY แต่ยอดส่งออกไปยูโรโซนและญี่ปุ่น หดตัว 2.5% YoY และ 10.5% YoY
สิ่งเหล่านี้ สะท้อนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขาดสมดุล กล่าวคือ มีเพียงสหรัฐฯ เท่านั้น ที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ประเทศอื่นยังมีความเสี่ยงสูง ส่งผลให้การใช้นโยบายการเงินของสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ นั่นคือ สหรัฐฯกำลังจะขึ้นดอกเบี้ย แต่ประเทศอื่น (ยูโรโซน, ญี่ปุ่น, จีน) ยังมีความจำเป็นต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยในระดับต่ำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยแนวโน้มเรามองว่า กระแสเงินทุน ยังคงเคลื่อนย้ายไปสู่ฝั่งสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง มีผลต่อค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นส่งออกทั้งในอุตสาหกรรมอาหาร และอิเล็กทรอนิกส์
เมื่อวันศุกร์ Dollar index ปิดที่ 97.59 ส่วนค่าเงินบาทปิดที่ 35.15 บาท/เหรียญฯ
ดัชนีเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้
11 ส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจยูโรโซน (ZEW Survey)
12 ส.ค. ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน
13 ส.ค. ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ
14 ส.ค. GDP 2Q58 ของยูโรโซน และเยอรมัน, การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
ปิยะภัทร์ ภัทรภูวดล นักกลยุทธ์การลงทุน