WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

"เลือกซื้อค่าบวก…ไม่ผ่าน&ยืนเหนือ 1450 ขายก่อน"

Stock Picks-Aug 2015 : Fundamental : INTUCH, KBANK, QH, RATCH, SCC ส่วน Dark Horse คือ CK, GL

Fundamental Pick -Today: - Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, SNC, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : GFPT 36%, LH 29%, KKP 27%, PS 25%, THCOM & THAI 20%

Technical View ภาพตลาดพลิกเป็นบวกเล็กๆ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1440-1450 หลุด 1420
SET50 ซื้อค่าบวก 950-960 หลุด 935
Technical Picks- Today : WIIK, BJCHI, VNG, INTUCH, EA, TVO, CHG, CHOW

 

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
       ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้น 4.20 จุด ปิดที่ 1436.36 โดยการเพิ่มขึ้นหลักมาจากกลุ่มพลังงานที่รีบาวด์ตามราคาน้ำมันดิบ รวมทั้งการเลือกซื้อเก็งกำไรรายบริษัท พอร์ตบล.นำซื้อสุทธิที่ 1.3 พันล้านบาท รายย่อยนำขายสุทธิ ส่วนต่างชาติและสถาบันในประเทศซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก
       ตลาดยังให้น้ำหนักไปที่การเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q58 และแนวโน้มช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งรายงานที่ออกมาพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นไปตามคาด หุ้นที่มีกำไรฟื้นตัวและเติบโตดีจะกระจายตัว โดยขึ้นกับพื้นฐานของแต่ละบริษัทเป็นหลัก ส่วนแนวโน้ม 3Q58 ภาพรวมยังซบเซา โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่จะมีผลขาดทุนในสต็อก เทียบกับกำไรใน 2Q58 รวมทั้งค่าการกลั่นน้ำมันเบนซินจะลดลงใน 2Q58 เนื่องจากหมดฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐ กลุ่มพาณิชย์และอาหารยังไม่สดใสนัก เพราะยอดขายสาขาเดิมส่วนใหญ่ติดลบ แต่ที่เติบโตได้เพราะขยายสาขา หุ้นเด่นยังเป็น CPALL ที่ธุรกิจ Defensive (ใช้ในชีวิตประจำวัน) และเปิดสาขาใหม่เพิ่มต่อเนื่อง ปัจจัยต่างประเทศ ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่จะออกมาศุกร์นี้ สำหรับปัจจัยที่ตลาดคาดว่าจะเป็น Catalyst ได้ คือ การเปิดประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่, การปรับคณะรัฐมนตรี เป็นต้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อค่าบวก โดยมีแนวต้านระยะสั้น 1440-1450 จุด ค่าลบให้ Wait & See การหลุด 1420 จุดให้ Stop Loss
หุ้นที่ SCAN ด้วยเงื่อนไขทางเทคนิคว่าราคามีโอกาสปรับขึ้นได้ในระยะสั้นที่เข้ามาใหม่ คือ BH, SAWAD, PTG, CHG, CHOW ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List ต่อเป็น TIPCO หุ้นที่หลุด List คือ KBANK ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและควรพิจารณาหาจังหวะ Take Profit โดยเฉพาะเมื่อราคาปรับขึ้นต่อ คือ TVO, BJCHI, GLOW, PTTGC

 

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
       ทาง DBSV Retail Research ประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐจะค่อยๆ Normalization นโยบายการเงินเพื่อให้เวลาตลาดปรับตัว โดยโอกาสที่จะเริ่มปรับขึ้นภายในปีนี้จึงยังคงมีสูง แต่อัตราของการปรับขึ้นแต่ละครั้งอาจไม่มาก ทั้งนี้นายเจโรม โพเวลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าเฟดยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.58 ซึ่งสวนทางกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่และความเห็นของนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.58
/- สหรัฐ : การจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ผลการสำรวจของ Automatic Data Processing Inc (ADP) ระบุว่าภาคเอกชนของสหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.58 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 215,000 ราย
- สหรัฐ : ผลขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 7.1% สู่ระดับ 4.384 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. โดยยอดขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.นั้น เป็นผลมาจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์ต่างประเทศที่ซบเซา
สหรัฐ : จับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยผลการสำรวจนักวิเคราะห์ออกมาว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งลดลงจาก 223,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 5.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี
+ ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งแคบ (ดัชนี DJIA -0.06% แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq +0.31% และ 0.67% ตามลำดับ) ทั้งนี้นักลงทุนกำลังพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมาตั้งแต่ปลาย 2Q58 ว่าจะทำให้เฟดประวิงเวลาการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
- ราคาน้ำมันดิบกลับมาอ่อนตัว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 59 เซนต์ ปิดที่ 45.15 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ลดลง 40 เซนต์ ปิดที่ 49.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA ระบุว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด 31 ก.ค. เพิ่มขึ้น 52,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.465 ล้านบาร์เรล/วัน ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์เปิดเผยในรายงานประจำสัปดาห์ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5 แห่งเป็น 664 แท่น ซึ่งปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ความกังวลว่าอิหร่านอาจจะผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้นก็กดดันต่อด้วย
อุปทานที่สูงทำให้นักลงทุนละเลยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุด 31 ก.ค.ที่ร่วงลง 4.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 455.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล
- ราคาทองคำลดลง โดยสัญญา COMEX ส่งมอบธ.ค.58 ลดลง 5.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1085.60 ดอลลาร์/ออนซ์
- หุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดสหรัฐยังร่วงลงต่อ หลังบริษัทขนาดใหญ่ทยอยประกาศปรับลดการลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซอีกระลอก เพราะประเมินว่าราคาน้ำมันดิบในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะยังไม่ปรับขึ้นเร็ว เพราะกำลังการผลิตที่มีอยู่มาก

ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
ทาง DBSV ให้ค่า Median ของ SET Index ในช่วงที่เหลือของปีนี้ไว้ที่ 1432 จุด ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.58 เราได้ปรับคาดการณ์ EPS ของตลาดหุ้นไทยปีนี้เป็น 90.3 (ลดลงจากเดิมที่ 95.5 เท่ากับ 5.4%) ซึ่งระดับดัชนีตลาดหุ้นไทยปัจจุบันที่ 1436 จุดมี Forward P/E เท่ากับ 15.9 เท่า นับว่าไม่ได้ถูก (เทียบเท่ากับ Median+1SD)
สำหรับดัชนีเป้าหมายในช่วงที่เหลือของปีนี้ เราให้ไว้ในรูปแบบของ Fan Chart ซึ่งทาง Quant Team ของเราวิเคราะห์โดยใช้ ERP ซึ่งพบว่าโอกาส (Probability) ที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะลงไปต่ำกว่า 1250 จุดในช่วงที่เหลือของปีนี้มีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก ขณะที่โอกาสจะขึ้นไปสูงกว่า 1600 จุดก็มีน้อยมากๆเช่นกัน โดยโอกาสความเป็นไปได้ 76% อยู่ในกรอบ 1350-1500 จุด โอกาสมากที่สุดอยู่ในช่วง 1400-1450 จุด โดยมีค่า Median ของดัชนีอยู่ที่ 1432 จุด
-/ SNC : รายงานกำไรสุทธิ 2Q58 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้...แต่จ่ายปันผลดีขึ้น โดยมีกำไรสุทธิเพียง 88 ล้านบาท (-50%QoQ แต่ +12%YoY) ทั้งนี้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 9.3% จาก 10.8% ใน 1Q58 และ 10.9% ใน 2Q57 เนื่องจากรายได้จากธุรกิจ OEM & ODM ใน 2Q58 สูงขึ้นมาก (+96%YoY) ซึ่งส่วนนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นไม่สูง สำหรับรายได้จากงานเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ นั้นลดลง 7%YoY และ 20%YoY ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามการย้ายฐานและเปลี่ยนรุ่นการผลิต สำหรับกำไรสุทธิ 1H58 เท่ากับ 264 ล้านบาท EPS : 0.92 บาท/หุ้น (+13%YoY) คิดเป็น 61% ของคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 58 ของเรา และไม่มีการปรับประมาณการเพราะปกติ 2H จะเป็น Low season ของธุรกิจ
บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.50 บาท/หุ้น (Payout ratio) 54% กำหนด XD 17 ส.ค.58 ชำระเงิน 28 ส.ค.58 (ที่ราคาปิดวานนี้ให้ Interim Dividend Yield 3.3%) เราแนะนำซื้อลงทุนระยะยาวใน SNC โดยคาดว่าผลประกอบการปี 59-60 จะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาเพิ่ม และ SCAN ขาดทุนน้อยลงในปี 58 & ถึงจุดคุ้มทุนได้ในปี 59 ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 18.10 บาท อิงกับ P/E ปีนี้ที่ 12 เท่า

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!