- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 24 June 2014 15:07
- Hits: 2695
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'อ่อนแต่ไม่หลุด 1460 ยังเลือกซื้อ/ถือได้'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TCAP, TISCO, TMB (ปรับจากถือเป็นซื้อ)
• ภาพตลาดวันก่อน : SET Index แกว่งในกรอบแคบ ปิดตลาด +1.41 จุดมาที่ 1468.70 มูลค่าซื้อขายประมาณ 4 หมื่นล้านบาท นักลงทุนกำลังรอดูทิศทางการบริโภคและการลงทุนหลังคสช.ทยอยใช้มาตรการและเดินหน้าโครงการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐต่างๆ รวมถึงรอดูตัวเลขเศรษฐกิจประเทศชั้นนำด้วย สำหรับ Window Dressing จากการศึกษาของ Retail Research DBSV เราพบว่าโอกาสที่จะเกิดมีเท่ากับ 67% (จากการศึกษาข้อมูลย้อนหลัง21 ไตรมาส – ดูรายละเอียดได้ในข่าวเช้าวานนี้) นักลงทุนต่างชาติและรายย่อยขายสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ
• ปัจจัยและกลยุทธ์ : วันนี้ Sentiment การลงทุนในกลุ่มส่งออก ท่องเที่ยว และธุรกิจเกษตร ถูกกดดันจากการที่ EU มีมติระงับการเดินทางเยือนไทยและยุติการลงนาม PCA ที่ทำให้การเจรจา FTA ไทย-EU ต้องชะลอออกไปจนกว่าไทยจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รวมทั้งสหรัฐลดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยในธุรกิจประมงลงเป็น Tier 3 (เดิม Tier 2 Watch List) ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะเพื่อประเมินผลกระทบ อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลลบกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและเศรษฐกิจโดยรวมจะไม่ถึงกับรุนแรงมาก ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน จึงแนะนำให้ทยอยซื้อหุ้นหลักพื้นฐานดีในกลุ่มส่งออก ท่องเที่ยว และธุรกิจเกษตร เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวรับข่าวลบจนพอจะยืน (Sideway) ได้แล้ว ส่วนปัจจัยภายนอก แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐจะออกมาดี แต่นักลงทุนได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้ว จึงมีน้ำหนักเป็น Neutral กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก (ค่าลบควรหยุดรอหรือขายโดยเฉพาะพอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย) การอ่อนตัวจนหลุด 1460 จุด จะมีแนวเด้ง 1440, 1430 จุด ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1480,1490 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนระยะยาววันนี้เป็น MODERN
Fundamental Pick
MODERN แนะนำซื้อปิด 9.30 บาท ราคาเป้าหมาย 10.55 บาท
• แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q57 แข็งแกร่ง โดย MODERN มีการขายหุ้น MFEC ให้กับบริษัท TISINC. ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 61.98 ล้านหุ้น หรือ 14.07% ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว เป็นเงิน 663.22 ล้านบาท หรือราคาหุ้นละ 10.70 บาท และภายหลังการขาย MODERN จะเหลือถือMFEC อยู่ 2.41% ซึ่งบริษัทจะบันทึกกำไรจากการขายหุ้น MFEC เข้ามาใน 2Q57 ประมาณ290 ล้านบาท และหนุนให้กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายเติบโตก้าวกระโดดกว่า 3 เท่าตัว บริษัทมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษ จากการที่บริษัทได้รับเม็ดเงินจากการขายหุ้น MFEC 663 ล้านบาทและมีกำไรจากการขายหุ้นสูงราว 290 ล้านบาท ขณะที่ยังไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่มาก ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะนำกำไรบางส่วนมาจ่ายปันผลพิเศษ และสำรองอีกส่วนหนึ่งไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเพื่อลงทุนขยายธุรกิจที่มีอยู่เดิม เช่น Health Care เป็นต้น ทั้งนี้เราให้สมมติฐานว่าบริษัทจะนำกำไรจากการขาย MFEC มาจ่ายปันผล 50% หรือเท่ากับ 0.20 บาทต่อหุ้น เมื่อรวมกับประมาณการปันผลปกติปี 57 ของเราที่ 0.60 บาท แล้วจะเป็นปันผลสำหรับปีนี้ที่ 0.80บาท คิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 8.6%
• ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไปได้ดีและคาดว่าจะส่งมอบงานได้มากขึ้นใน 2H57 ณ สิ้นมี.ค.57 บริษัทมีมูลค่างานเฟอร์นิเจอร์ในมือประมาณ 3 พันล้านบาท โดย 75% เป็นงานเฟอร์นิเจอร์ที่พักอาศัยที่ส่งมอบในปี 57-58 และอีก 25% เป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ส่งมอบในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า ทั้งนี้บริษัทประเมินว่าจะมีรายได้จากการส่งมอบงานเฟอร์นิเจอร์ใน 2H57 จะมากกว่า1H57 คาดการณ์กำไรสุทธิปี 57 เติบโต 69%YoY เป็น 711 ล้านบาท (รวมกำไรจากการขายหุ้นMFEC)
• แนะนำซื้อลงทุน MODERN เป็นบริษัทที่มีธุรกิจมั่นคง เป็นผู้นำในเฟอร์นิเจอร์สำนักงานและชุดครัวในประเทศ ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และจ่ายปันผลสูง ณ สิ้นมี.ค.57 บริษัทมีเงินสดสุทธิ303 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอีกใน 2Q57 เมื่อรวมรายได้จากการขายหุ้น MFEC เราประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 10.55 บาท (Sum-of-parts)
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ จีน : HSBC เผย PMI ภาคการผลิตมิ.ย.57เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน
+ เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 50.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จาก 49.4 ในเดือนพ.ค. ปัจจัยที่ผลักดัน คือ คำสั่งซื้อภายในประเทศและอุปสงค์จากภายนอกต่างขยายตัวในวงกว้าง สำหรับแนวโน้มในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้ายังไปได้ดี โดยการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะยังคงช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเอชเอสบีซีคาดว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของจีนจะยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายในปัจจุบันต่อไปจนกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะมีความยั่งยืน
- ยูโรโซน : PMI โดยรวมเดือนมิ.ย.57 ลดลง
- ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมิ.ย.57 ปรับตัวลงแตะ 52.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จาก 53.5 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนมิ.ย.อ่อนลงมาที่ 51.9 จากระดับ 52.2 ในเดือนก่อนหน้า และดัชนี PMIภาคบริการเบื้องต้นเดือนมิ.ย.ปรับลงมาอยู่ที่ 52.8 ลดลงจาก 53.2 ในเดือนพ.ค.และต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคการผลิต, ยอดขายบ้านมือสอง และกิจกรรมการผลิตออกมาดี
+ มาร์กิตเปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 57.5 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 56.4 ในเดือนพ.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่สู่ระดับ 56
+ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนพ.ค.สู่ระดับที่ระดับ 4.89 ยูนิต ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 4.75 ล้านยูนิต
+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก้เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศปรับตัวขึ้นแตะ +0.21 ในเดือนพ.ค.จาก -0.15 ในเดือนเม.ย.
• ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งแคบ
• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,937.26 จุด ลดลง 9.82 จุด หรือ -0.06% ดัชนีNASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,368.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด หรือ +0.01% ดัชนี S&P500ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,962.61 จุด ลดลง 0.26 จุด หรือ -0.01% ทั้งนี้แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี แต่ตลาดได้ตอบรับเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว จึงมีแรงขายทำกำไรออกมา
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลงจากแรงขายทำกำไร
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 66 เซนต์ ปิดที่ 106.17 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 69 เซนต์ ปิดที่114.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
• สัญญาทองคำ COMEX ปรับขึ้นเล็กน้อย
• สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.8ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,318.4 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
- EU ระงับการเดินทางเยือนไทย และไม่ลงนามใน PCA ทำให้การเจรจา FTA ไทย-EUต้องชะลออกไปก่อน...เป็นลบต่อ Sentimentของกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยวของไทย แต่คาดว่าจะไม่รุนแรงมาก
- คณะมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (EU) มีมติระงับการเดินทางเยือนไทย และประเทศสมาชิก EU จะไม่ลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ (PCA)กับไทย จนกว่าไทยจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง นอกจากนั้นอาจจะทบทวนความสัมพันธ์ทางการทหารกับไทยด้วย
• นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่าการไม่ลงนามใน PCA กับไทย ทำให้การเจรจา FTA ระหว่างไทยกับ EU จะต้องหยุดชะงักชั่วคราว ซึ่งไทยจะเสียเปรียบประเทศในอาเซียนที่กำลังเจรจา FTA กับ EU อยู่ เช่น มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม แต่คาดว่าจะไม่กระทบทางการค้าในปัจจุบันมากนัก เพราะ EU ไม่สามารถระงับการค้าขายกับไทยโดยใช้ข้ออ้างเรื่องการมีรัฐประหาร เนื่องจากผิดกฎ WTO
• ความเห็น Retail Research : เราคาดว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับ EU ที่อ่อนลงอาจกระทบต่อภาคส่งออกของไทยบ้างและทำให้การฟื้นตัวของภาคส่งออกล่าช้าออกไป เพราะไทยส่งออกสินค้าไป EU ประมาณ 10% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด (ดูกราฟด้านล่างประกอบ) และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยประมาณ 6.6 ล้านคนต่อปี อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบในช่วง1-2 ปีนี้จะไม่รุนแรง โดยเฉพาะในสินค้าที่ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลกอยู่แล้วเช่น ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์, ไก่แช่แข็ง & แปรรูปส่งออก, สินค้าเกษตรแปรรูปส่งออก เป็นต้นเนื่องจากคุณภาพสินค้า ราคา บริการ และความเที่ยงตรงในการส่งมอบสินค้าของไทยอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้ยังมีความได้เปรียบคู่แข่งขันอยู่พอสมควร แต่ในระยะยาวอาจมีผลกระทบถ้าการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับ EU ต้องเลื่อนไปนานกว่า 1 ปี ส่วนภาคท่องเที่ยว เนื่องจากไทยมีทรัพยากรท่องเที่ยว การบริการ อาหารการกินที่สมบูรณ์และไม่แพง ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวยุโรปเข้ามาไทยอยู่
• คำแนะนำการลงทุน การอ่อนตัวของราคาหุ้นในกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยวเป็นจังหวะซื้อลงทุน ทั้งใน CPF, GFPT, TUF, AOT, MINT และ CENTEL
- CPF & TUF : ราคาหุ้นร่วงหลังสหรัฐประกาศลดอันดับไทยเป็นบัญชี 3 เรื่องสถานการณ์การค้ามนุษย์
• กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐลดอันดับไทยจาก Tier 2 Watch List ไป Tier 3 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 2557 ซึ่งเท่ากับเกาหลีเหนือ อิหร่าน มาเลเซียรัสเซีย ซิมบับเว โดยระบุไทยเป็นต้นทาง-ปลายทาง ทางผ่านค้ามนุษย์ ค้าประเวณี บังคับใช้แรงงานโดยเฉพาะภาคประมง ละเมิดแรงงานข้ามชาติ ซึ่งทางการไทยยังแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ได้ภายใน 2 ปีที่ผ่านมาจึงถูกปรับลดลงไปอยู่ Tier 3
• TUF ผิดหวังกับประกาศของสหรัฐ นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TUF กล่าวว่ารู้สึกผิดหวังกับการประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เพราะภาคอุตสาหกรรมประมงไทยและหน่วยงานต่างๆของภาครัฐในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้พยายามร่วมกันขจัดปัญหาและแก้ไขการใช้แรงงานอย่างผิดกฏหมายและไร้จริยธรรมมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยมีการจัดตั้งข้อกำหนดมาตรฐานการจัดการแรงงานที่ดี (Good Labor Practice: GLP) ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) อีกด้วยนอกจากนั้น TUF ได้เข้าร่วมเป็นภาคีของข้อตกลงระดับโลกแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโกลบอลคอมแพค) และการเข้าร่วมขับเคลื่อนโครงการการปฏิบัติต่อการใช้แรงงานที่ดีกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศอีกหลายแห่ง
• กระทบ Sentiment การลงทุนหุ้น CPF และ TUF ในระยะสั้น โดยผู้บริหารประเมินว่าการจัดอันดับครั้งนี้เป็นเรื่องของรัฐ แต่ในภาคเอกชนจะยังมีการค้าขายกันปกติ โดยขณะนี้บริษัทต่างๆ เร่งเดินสายทำความเข้าใจกับลูกค้าต่างประเทศว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับทุกกิจการทั้งนี้ในปี 56 TUF ส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำไปสหรัฐคิดเป็นประมาณ 12-13% ส่วน CPFส่งออกไปสหรัฐประมาณ 1-2% ของยอดขายรวมเท่านั้น
• มีความเสี่ยงว่า EU อาจห้ามนำเข้าสินค้าประมงแปรรูปที่ไทยใช้วัตถุดิบจากฟิลิปปินส์ & ปาปัวนิกินี ทาง EU ได้ประกาศเตือนฟิลิปปินส์และปาปัวนิวกินีว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ให้ความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายเพียงพอ ซึ่ง 2 ประเทศนี้จะได้รับเวลาแก้ปัญหา แต่หากไม่ดีขึ้นภายใน 6 เดือนก็อาจห้ามนำเข้าสินค้าประมงจาก 2ประเทศนี้ ซึ่งไทยนำเข้าสินค้าประมงจาก 2 ประเทศนี้มาแปรรูปเพื่อส่งออกไป EU ด้วย ถ้าหากEU ประกาศห้ามนำเข้าจาก 2 ประเทศดังกล่าว ไทยก็จะส่งออกสินค้าประมงแปรรูปโดยใช้วัตถุดิบจาก 2 ประเทศนี้ไป EU ไม่ได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ไทยนำเข้าสินค้าประมงจาก 2 ประเทศนี้รวมกันประมาณ 4% ของมูลค่านำเข้าสินค้าประมงทั้งหมดซึ่งถือว่ามาก
• ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้ออ่อนตัว ในช่วงนี้ราคาหุ้น CPF และ TUF ยังอยู่ในโมเมนตัมลบเพราะมีข้อจำกัดในการการส่งออกสินค้าไปสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผลลบแค่ไหน ทั้งนี้เรามองว่าภาคเอกชนในสหรัฐที่นำเข้าสินค้าประมงจากไทยอาจถูกกดดันโดยอ้อมจากภาครัฐทำให้นำเข้าสินค้าจากไทยได้น้อยลง
• มูลค่าลงทุนโครงสร้างขั้นพื้นฐานเฟสแรกในงบประมาณปี 58 อยู่ที่ 1.4-1.5 แสนล้านบาท (เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาทใน 8 ปีข้างหน้า)
• พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศในฐานะหัวหน้าเศรษฐกิจของคสช. เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) ได้มีการหารือเกี่ยวกับการตั้งงบประมาณปี 58 จาก 8 หน่วยงาน 5รัฐวิสาหกิจ โดยงบประมาณปี 58 จะกระจายใช้ในทุกด้านที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเป็นเรื่องที่จะดำเนินการต่อเนื่อง โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (รังสิต-บางซื่อ) ที่อยู่ระหว่างการปรับแบบโครงการรถไฟทางคู่ และการปรับปรุงซ่อมทางรถไฟ ทางถนนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท (เช่น แผนขยายถนน 2 เลนเป็น 4 เลน รวมปรับปรุงคุณภาพดีขึ้น และซ่อมแซมทางหลวง , โครงการมอเตอร์เวย์ พัทยา-มาบตาพุด เป็นต้น) ส่วนทางอากาศ เช่น โครงการพัฒนาสุวรณภูมิเฟส 2, การซื้อเครื่องบินการบินไทย ฯลฯ ยังไม่นับรวมในนี้ เพราะอยู่ในช่วงทบทวนโครงการ
• โครงการที่จัดทำในงบประมาณในปี 58 ถือเป็นเฟสแรกของยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของไทยในช่วงปี 58-65 โดยเฟสแรกนี้คาดว่าจะมีงบลงทุนในเบื้องต้นประมาณ1.4-1.5 แสนล้านบาท (สำนักงบประมาณจะสรุปตัวเลขชัดเจนภายในมิ.ย.นี้)
• เลื่อนประมูลโครงการรถไฟทางคู่สัญญาที่ 1 วงเงิน 1.02 หมื่นล้านบาทจาก 23 มิ.ย.57 ไปเป็น 15 ก.ค.57 เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีมูลค่าตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นการจัดซื้อจัดจ้างและยังไม่ได้ลงนามสัญญา ดังนั้น คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ขอให้รฟท. นำข้อมูลโครงการมาพิจารณากลั่นกรองก่อนสำหรับบจ.ที่อยู่ใน SET ที่มีคุณสมบัติเข้าประมูลคือ ITD, CK, STEC และ UNIQ ส่วนนอกSET เป็นบริษัท ทิพากร จำกัด ร่วมกับบริษัทไชน่า ฮาร์เบอร์จากจีน และบริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด
• CK : ศาลฯนัดฟังคำสั่งกรณีชาวบ้านฟ้องกฟผ.ที่ลงนามในสัญญาซื้อไฟฟ้าจากไซยะบุรี พาวเวอร์
• ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดกรณีชาวบ้านจากเครือข่ายประชาชนไทย8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ได้แก่ จ.เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม อำนาจเจริญ มุกดาหารอุบลราชธานี ได้ยื่นฟ้องกฟผ.ที่ลงนามในสัญญาซื้อพลังงานไฟฟ้า (PPA) จากบริษัท ไซยะบุรีพาวเวอร์ ในลาว โดยเห็นว่ากฟผ.และหน่วยงานอื่นที่มีหน้าที่ทำการตัดสินใจเกี่ยวกับพลังงานปล่อยให้กฟผ.ทำ สัญญาสำ คัญโดยไม่ได้ทำ ตามหน้าที่ของตนในการแจ้งข้อมูลและปรึกษาหารือกับสาธารณะ และไม่ทำการประเมินผลกระทบทางสังคม สิ่งแวดล้อมและสุขภาพจึงถือเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญไทย
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]