- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 August 2015 16:51
- Hits: 1356
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : เสี่ยงลงไปปิด Gap ที่ 1420 แนวต้าน 1440
SET Index : 1435.15 เคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1430 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1440 จุด แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มของ SET Index ยังคงมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปปิดช่องว่างที่เปิดเอาไว้ที่ 1420 จุด แต่เราคาดว่า การปรับตัวลดลงหลังจากทดสอบแนวต้านที่ 1440 จุด ถ้าหากมีการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1420-1425 จุด จะเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเก็งกำไร เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1450 และ 1460 จุด เนื่องจากโครงสร้างของการฟื้นตัวยังไม่สมบูรณ์ ก่อนที่จะปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1400 หรืออาจถึง 1375 จุด
Energy : เคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงที่ระดับ 18000 และมีแนวต้านที่ 18700
Bank : ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในระยะสั้น โดยมีแนวรับที่ 470 และมีแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 490 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 505
PK = 6.00 / 7.20, ADVANC = 242 / 244, ASEFA = 5.70 / 6.00, BEAUTY = 4.50 / 4.70, PTT = 317 / 320
S50U15 : 925.30 ปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 925 ซึ่งเราแนะนำให้ใช้เป็นจังหวะ Open Long ใน S50U15 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 933-935 โดยมีจุด STOP LOSS สถานะ Long ถ้าปรับตัวลดลงหลุดแนวรับที่ 922 ลงไป อย่างไรก็ดี การปรับตัวลดลงของ S50U15 น่าจะมีแนวรับถัดไปที่ 915-917 และมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เหนือ 935 เพื่อจบโครงสร้างของการฟื้นตัวที่ 944 หรือ 950 จึงจะเป็นจังหวะ Open Short
GFQ15 : 18210 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณ 18200 ตามทิศทางราคาทองคำ ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มของราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ US$1050-1060 และมีแนวต้านที่ US$1100-1105 จึงแนะนำให้เน้นการ Open Short โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 18350 เป็นจุด STOP LOSS
S50U15 : 35.26 รอขายสถานะ Short ที่บริเวณแนวรับ 35.00 แนวต้าน 35.25-35.30
TECHNICAL FOLLOW UP : แนวรับ แนวต้าน
SET Index ทดสอบแนวต้านที่ 1440 มีโอกาสลงทดสอบ 1420 หรือ 1425 1434 / 1430 1438 / 1440
S50U15 เน้น Open Long โดยมีจุด STOP LOSS ถ้าหลุด 922 ลงไป 925 / 922** 928 / 930
GFQ15 Open Short ที่แนวต้าน 18200-18250 แต่ STOP LOSS ถ้าทะลุผ่าน 18350 18150 / 18100 18250 / 18300
USDU15 รอ STOP LOSS สถานะ Short ที่แนวรับ 35.00 แนวต้าน 35.25-3530 35.18 / 35.15 35.27 / 35.30
ACD แนวรับ 2.40 เป็นจังหวะซื้อ แนวรับสำคัญ 2.24 2.40 / 2.36 2.50 / 2.70
EA แนวโน้มขึ้นทดสอบ 23.00 และ 23.50 21.80 / 21.60 22.50 / 23.00
Pan Asia Footwear (PAF TB; THB 3.98) – ซื้อ
แนวต้าน : 4.20 และ 4.40 / แนวต้านสำคัญ 4.50
แนวรับ : 3.98 และ 3.94
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นมาทดสอบแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ในขณะที่โครงสร้างของราคาหุ้นทำจุดต่ำยกตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ PAF โดยมีแนวรับที่ 3.98 และ 3.94 และมีแนวต้านที่ 4.20 และ 4.40 เป็นจุดขายทำกำไร แนวต้านสำคัญ 4.50
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.80 ลงไป
Forth Smart Service (FSMART TB; THB 14.90) – ซื้อ
แนวต้าน : 15.60 และ 16.00 / แนวต้านสำคัญ 16.60
แนวรับ : 14.90 และ 14.70
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตามกรอบแนวโน้มขาขึ้นหลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วัน ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ FSMART โดยมีแนวรับที่ 14.90 และ 14.70 และมีแนวต้านที่ 15.60 และ 16.00 เป็นจุดขายทำกำไร แนวต้านสำคัญ 16.60
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 14.00 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...รอแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร
นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันผลตอบแทนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมของไทย เมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นหลักๆและราคาน้ำมันของโลก พบว่ามีทั้งที่ดีและไม่ดี โดยดัชนี SET ปรับตัวลง -4.4% เทียบดัชนีหุ้นโลก (MSCI World) ที่ปรับขึ้น 2.9% โดยหลักๆดัชนีหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงโดยเฉพาะดัชนีตลาดหุ้นในอาเซียน (MSCI South East Asia) ที่ปรับตัวลงถึง -10.5% ตามมาด้วยตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น (MSCI Asia ex Japan) ที่ -3.5% และตลาดเกิดใหม่ (MSCI EM) -6.6% ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรม เราจะพบว่า กลุ่มที่ขึ้นได้สูงสุด คือ ปิโตรเคมีตามมาด้วย ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ วัสดุก่อสร้าง โรงพยาบาลและ ท่องเที่ยว ส่วนกลุ่มที่ลงหนักสุด คือ ธนาคารพาณิชย์ เกษตร และหุ้นเล็กใน MAI ส่วนกลุ่มพลังงานรวมลงไปแค่ -3.6% แต่หากคิดเฉพาะ 5 บริษัทหลักจะลงเพียง -2.9% (ดูรูปด้านซ้าย)
รูปด้านขวา เราแสดงการปลี่ยนแปลงของดัชนีกลุ่มพลังงานทั่วโลก นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน จะพบว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ปรับตัวลงลึกๆ จะอยู่ที่ เอเชีย เป็นหลัก เนื่องจากมีสัดส่วนขนาดของกลุ่มต่อขนาดตลาดรวมสูง (Mkt Cap.) แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ราคาน้ำมันจะลงมาลึกใกล้จุดต่ำสุดเก่าที่ 45 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ แต่สัดส่วนการลงของกลุ่มพลังงานของไทย 5 บริษัท ถือว่าต่ำมาก คือลงแค่ -2.9% เท่ากับของตลาดเกิดใหม่ ตรงนี้กำลังบอกว่า แม้ราคาน้ำมันจะลงได้อีก แต่กลับไม่มีแรงขายออกมาเพราะอาจมองราคาหุ้นต่ำมาก (เกิดแรงขาย PTTEP/TOP แต่กลับมีแรงซื้อ PTT/PTTGC/IRPC สลับเข้ามาเพราะหุ้นเหล่านี้ได้ประโยชน์จากสายปิโตรเคมีและการปรับขึ้น LPG/NGV) นั่นก็ชี้ว่า ทิศทางของดัชนี SET ที่จะขึ้นได้ต่อ อาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับแรงหนุนในกลุ่มพลังงานเป็นหลัก เพราะมองว่าดัชนีกลุ่มพลังงานที่เป็นอยู่จะขึ้นได้ไม่สูง (เพราะกรอบน้ำมันด้านบนน่าจะไม่เกิน 60 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือจะลงอีกก็ไม่มาก (เพราะกรอบล่างคงไม่ต่ำกว่า 45 ดอลลาร์/บาร์เรล)
ทิศทางดัชนี SET หากจะขึ้นได้ต่อตอนนี้ ต้องพึ่งพิงกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (มีขนาดตลาดสูงกว่าพลังงาน) ส่วนกลุ่มพลังงานเป็นแค่ตัวเสริม โดยดัชนีกลุ่มธนาคาร ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันลงไปถึง -19% ดังนั้นหากกลุ่มนี้ขยับขึ้น ดัชนีก็น่าจะขยับขึ้นตาม อย่างไรก็ตามการขยับตัวของกลุ่มธนาคาร จะขึ้นอยู่กับ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและตัวเลขสินเชื่อรายเดือน ซึ่งจะผิดกับกลุ่มพลังงานที่ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันรายวันและปริมาณสต๊อกของสหรัฐรายสัปดาห์ จึงสามารถเล่นได้อย่างต่อเนื่อง ดังเราจะเห็นได้จากเมื่อมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร แล้วก็หยุดรอปัจจัยใหม่
เมื่อวานนี้กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาดที่ 1.50% ทำให้จุดน่าสนใจของตลาดหุ้นไทย ตอนนี้ที่เหลืออยู่ คือ การประเมินความถูกความแพง ผ่าน P/BV อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง (Dividend yield) และสัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติที่ปรับลดลงไปมาก ส่วนในระยะกลางถึงยาว คือ เม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการเข้าลงทุนในช่วงระยะกลางถึงยาวในกรอบดัชนี SET ที่เป็นอยู่ น่าจะมีความเสี่ยงลดลง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม ธนาคาร พลังงานบางตัว รับเหมา ท่องเที่ยว และสื่อสาร วันนี้เราคาดว่าดัชนีจะรีบาวน์ต่อไปทดสอบระดับ 1440-1445 จุด จากแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/58 วันนี้เราให้แนวรับที่ 1425-1430 และแนวต้านที่ 1440-1445 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,435.15 จุด ลดลง 1.21 จุด (-0.08%) มูลค่าการซื้อขาย 14,381.56 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งในกรอบแคบ โดยมีแรงขายนำในกลุ่มธนาคาร และพลังงาน ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังกดดันตลาดอยู่ อย่างไรก็ตานักลงทุนยังกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ด้านตลาดภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่แกว่งลบ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (7 ส.ค.)
LPN รายงานผลประกอบการ 2Q15 มีกำไรสุทธิ 822 ล้านบาท (+181% QoQ, +124% YoY) มากกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 2% และ 3% ตามลำดับ ขณะที่ 1H15 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,114 ล้านบาท (+55% YoY) บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.3 บาท (XD : 19/8/15) คิดเป็น Dividend Yield 1.7% Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 20.26 บาท (Buy/Hold/Sell : 10/9/3)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดภาคบ่าย แกว่งตัวแคบ แต่หากหลุดต่ำกว่า 1430 จุด อาจจะเกิดแรงขายในลักษณะ panic sell อีกรอบได้ เนื่องจากจะทำให้มองได้ว่าเป็นการจบรอบรีบาวน์ของการฟื้นตัวรอบนี้ ซึ่งจะเปิด downside ให้เกิด new low อีกรอบได้ ซึ่งจะมีกรอบด้านล่างที่ระดับ 1393 จุด แต่หากยังสามารถยืนเหนือ 1430 จุดได้ต่อเนื่อง จะทำให้สัญญาณการเก็งกำไรก็ยังไปต่อได้เรื่อยๆ โดยจะมีกรอบด้านบนที่ระดับ 1450 จุด โดยการลงทุนในภาพรวมจะยังเน้นเป็นหุ้นรายตัวเป็นหลัก
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Turnover List preview (Cash Balance) : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : PAE*, PAF*, SIAM*, WICE*, TPAC-W1* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Pan Asia Footwear (PAF TB; THB 3.98) - ซื้อ
Forth Smart Service (FSMART TB; THB 14.90) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 – [email protected]/ [email protected]
