- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 24 June 2014 14:26
- Hits: 2723
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังแกว่งผันผวนทำให้มีลุ้นลบลงก่อนได้ ดังนั้นรอซื้อลบแล้วเน้นถือ
กลยุทธ์ : FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนและปรับตัวลงได้อีก ก่อนที่จะพลิกกลับไปเป็นขาขึ้นและลุ้นวิ่งขึ้นหาเป้าหมายทางเทคนิคแถว 1500 จุดหรือใกล้เคียงในช่วงถัดไป ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอซื้อในช่วงตลาดอ่อนตัวลงเช่นเดิม โดยหลังจากซื้อแล้วแนะนำให้เน้นเป็นถือต่อเนื่องไว้ เพื่อรอรอบแกว่งขึ้นรอบใหญ่ต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SAWAD, GOLD, GFPT(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้แม้ว่า SET จะยังเน้นหนักทางด้านแกว่งตัวบวก แต่ก็เป็นการซึมลงจากระดับเปิดช่วงเช้าที่บวกขึ้นไปอีกประมาณ 7 จุด ก่อนจะมาปิดเป็นบวกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดย FSS คาดว่าแรงขายส่วนหนึ่งมาจากการขายทำกำไรหลังยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เข้ามา ขณะที่เช้านี้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดเป็นลบเพียงเล็กน้อย แต่ในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายก็เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบเป็นหลัก เนื่องจากรายงานตัวเลข PMI ของยูโรโซนปรับลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกต่อสถานการณ์ในอิรักด้วย อย่างไรก็ตามยังมีแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดี ทั้งตัวเลข PMI ภาคการผลิตและยอดขายบ้านมือสอง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัวขึ้น-ลงในกรอบจำกัดเช่นเดิม เพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ ที่จะเข้ามากระทบตลาด ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็น่าจะยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวผันผวนและมีโอกาสปรับลงอีกได้ ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้ลือกหุ้นเข้าซื้อเฉพาะช่วง SET อ่อนตัวลงเช่นเดิม
แนวรับ 1466-1464 , 1460-1454 จุด แนวต้าน 1472-1474 , 1477-1480 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางต่อเนื่อง ส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$147.4 ล้าน และเวียนดนาม US$2.1 ล้าน แต่ขายในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$39.4 ล้าน ไทย US$20.2 ล้าน อินโดนีเซีย US$19.3 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$2.2 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) EU ชะลอ FTA ที่อยู่ระหว่างเจรจา เป็นลบต่อกลุ่มส่งออกทั้งอิเล็กทรอนิคส์ อาหาร และชิ้นส่วนรถยนต์ เพราะ EU หนึ่งในตลาดส่งออกหลักของไทย รองจากอาเซียน จีน และสหรัฐฯ สินค้าหลักที่ไทยส่งออกไป EU ได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์และส่วนประกอบ
กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ถูกกระทบมากสุดเพราะ EU เป็นตลาดหลัก และมีคู่แข่งคือ จีนและไต้หวัน KCE ส่งออกไปยุโรปมากสุด 62%, DELTA 18%, HANA 10%, SVI 6%
กลุ่มอาหารส่งออกกระทบในธุรกิจกุ้งและไก่ GFPT ส่งออกไปยุโรป 10%, TUF 7%, STA 5% และ CPF 3%
กลุ่มยานยนต์กระทบจำกัด เพราะไทยส่งออกรถยนต์ไปตลาด EU เพียง 7-8% ของยอดส่งออกรถทั้งหมด (ตลาดหลักคือตะวันออกกลาง เอชีย และออสเตรเลีย) เรายังมองว่ากลุ่มยานยนต์จะเริ่มฟื้นใน 3Q14 แต่กำไร 2Q14 ยังแย่ ยังแนะนำซื้ออ่อนตัว
(0) CK ศาลปกครองสูงสุดจะอ่านคำสั่งวันนี้ (24 มิ.ย.) ว่ารับคำฟ้องหรือไม่สำหรับคำขอให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากเขื่อนไซยะบุรี ที่ชาวบ้านลุ่มน้ำโขงจาก 8 จังหวัดฟ้องร้องตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 2012 และศาลมีคำสั่งเมื่อ 5 ก.พ. 2013 ไม่รับคำฟ้อง แต่ชาวบ้านยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดจะอ่านคำสั่งวันนี้ กรณีแย่สุด หากศาลสั่งให้หยุดก่อสร้าง รายได้ค่าก่อสร้างในปีนี้จะลดลงจากประมาณการของเรา 16% และปี 2015 ลดลง 32% ทำให้กำไรปกติปี 2014 ลดลง 28% Y-Y และปี 2015 ลดลง 18% Y-Y ราคาเป้าหมายปีนี้จะลดลงเป็น 23.50 บาทจากปัจจุบัน 24.50 บาท ส่วนราคาเป้าหมายปีหน้าลดลงเป็น 22.75 บาทจาก 25.60 บาท เราลดคำแนะนำลงเป็นถือ จากเดิมซื้อ เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมาจนเหลือ upside จำกัดเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายทั้งปีนี้และปีหน้า
(+) AOT จำนวนผู้โดยสารลดลง 1.4% Y-Y ในเดือน พ.ค. ขณะที่จำนวนเที่ยวบินเพิ่ม 7.8% Y-Y เป็นสถิติที่แย่กว่าเดือน เม.ย. ที่จำนวนผู้โดยสารเพิ่ม 3.7% Y-Y และจำนวนเที่ยวบินเพิ่ม 11.1% Y-Y เพราะได้รับผลกระทบจากรัฐประหาร รวมงวด 8M14 (สิ้นสุด พ.ค.) จำนวนนักผู้โดยสารยังเพิ่มขึ้น 3.4% Y-Y และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 13.2% Y-Y สำหรับเดือน มิ.ย. ยังไม่สดใสเพราะเป็น low season ซึ่งอาจทำให้กำไร 3Q14 ชะลอ อย่างไรก็ตาม ศักยภาพในระยะยาวยังแกร่ง เรายังคงคาดกำไรทั้งปี 2014 โต 27% Y-Y ยังแนะนำซื้อ เป้าหมาย 230 บาท
(-) ระมัดระวังการเก็งกำไรกลุ่มโรงพยาบาล หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวขึ้นสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง +46% YTD เทียบกับ SET +19% YTD ส่วนหนึ่งมาจากผลประกอบการที่ดี อีกส่วนมาจากกระแสข่าวการควบรวมกิจการ ทำให้เกิดการเก็งกำไรในหุ้นโรงพยาบาลขนาดกลาง-เล็กที่อาจตกเป็นเป้าในการควบรวม ล่าสุด VIBHA และ NTV ได้ปฎิเสธข่าวการถูกซื้อกิจการ เราแนะนำให้ซื้อขายอย่างระมัดระวังเพราะแม้ว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะมีศักยภาพสูง แต่ปัจจุบันซื้อขายที่ PE 31.5 เท่าในปีนี้ และ 26.5 เท่าในปีหน้า ราคาหุ้นเกือบเต็มมูลค่าเกือบทุกตัว มีเพียง BGH ที่ยังเหลือ upside มากที่สุดแต่ก็มีเป้าหมายเพียง 18.30 บาท ขณะที่ BH มีเป้าหมาย 120 บาท ส่วน BCH (เป้าหมาย 7.20 บาท) และ VIBHA (เป้าหมาย 14.50 บาท) เกินมูลค่าแล้ว แนะนำขาย
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังจากที่ปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการจากถ้อยคำแถลงขอประธาน FED แต่ตลาดปรับลงจำกัดเนื่องจากตัวเลขยอดขายบ้านเก่าเดือน พ.ค. ออกมาดีกว่าคาด
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเช่นกัน โดยนักลงทุนผิดหวังกับตัวเลข PMI ทั้งภายบริการและภาคการผลิตในหลายๆประเทศในยูโรโซนรวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดในอิรัก
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่น โดยนักลงทุนยังจับตาดูสถานการณ์ความไม่สงบในอิรัก
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกทางข้าง คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.37-32.50 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 0.66 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 106.17 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้า รวมถึงนักลงทุนลดความกังวลเรื่องของการลดการส่งออกน้ำมันจากอิรักลง
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,318.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยปัจจัยหนุนยังคงเป็นเรื่องของสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรักที่ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852