- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 August 2015 16:55
- Hits: 2390
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ลุ้นแนวต้าน 1450...ผ่านได้ถือต่อ"
Stock Picks-Aug 2015 : Fundamental : INTUCH, KBANK, QH, RATCH, SCC ส่วน Dark Horse คือ CK, GL
Fundamental Pick -Today: CENTEL
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : BA 20%, RATCH 16%, BMCL 16%, AIT 11%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่มีสิทธิเด้งจากสภาวะ Oversold ระยะสั้น
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1450-1460 หลุด 1420
SET50 ซื้อค่าบวก 960-970 หลุด 935
Technical Picks- Today : KTB, VNG, INTUCH, CPN, CPALL, TVO, CENTEL, TAPAC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแรง ปิดตลาด +22.63 จุดที่ 1440.12 โดยเป็นการซื้อเก็งกำไรเมื่อดัชนีเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป และมีปัจจัยกระตุ้นความเชื่อมั่นเล็กๆ คือ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้าพิจารณาในครม.วันที่ 4 ส.ค.นี้ นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ
สัปดาห์นี้ติดตามผลประชุมกนง.วันที่ 5 ส.ค.58 ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้หรือไม่ โดยทาง DBSV ประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ คณะกรรมการฯ จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% จากปัจจุบันที่ 1.50% เป็น 1.25% แล้วทรงไปถึงสิ้นปีนี้ นอกจากนั้นก็จับตารายงานผลประกอบการ 2Q58 ของบจ.ที่จะทยอยออกมามากขึ้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ยังมีประเด็นเรื่องเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนที่ชะลอตัวกดดัน Sentiment การลงทุนในภูมิภาคและทั่วโลก เรามองว่าตลาดหุ้นไทยจะยังผันผวน และการปรับขึ้นช่วงนี้อาจเป็นแค่รีบาวด์ทางเทคนิคเท่านั้น ถ้าไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่เป็นบวกเข้ามากระตุ้นต่อ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน จึงแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดีด้วยการถอยรับเป็น Step โดยหุ้น Top Picks ของเดือนส.ค.58 คือ INTUCH, KBANK, QH, RATCH, SCC และ Dark Horse เป็น CK, GL ทั้งนี้หุ้นที่เลือกในเดือนนี้ยังคงให้น้ำหนักไปทาง Defensive หรือปันผลสูง เนื่องจากตลาดโดยรวมยังมีสิทธิผันผวนและอยู่ในภาพ Sideways down (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน Wealth Perspective Equity ด้านใน)
วิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อค่าบวก โดยมีแนวต้านระยะสั้น 1450-1460, 1480 จุด ค่าลบให้ Wait & See การหลุด 1420 จุดให้ Stop Loss สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก ได้แก่ KTB, VNG, INTUCH, CPN, CPALL, TVO, CENTEL, TAPAC
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- จีน : ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค.58 ลดลงเป็น 50.0 จากระดับ 50.2 ในเดือนมิ.ย. บ่งชี้ว่าการผลิตของจีนยังซบเซามาก โดยอาจยังไม่ฟื้นตัวในเร็วๆนี้
- จีน : ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นประกาศคุมเข้มการซื้อขายของ 24 บัญชี เนื่องจากเป็นบัญชีที่ถูกสงสัยว่ามีคำสั่งซื้อขายและการยกเลิกคำสั่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยรวมถึงบัญชีที่เคยเป็นของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ต่างชาติ CITADEL GLOBAL TRADING S.AR.L และ Shenzhen CITIC United Venture Capital Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของซิติค ซิเคียวริตีส์ ทั้งนี้ในตลาดมีข่าวลือสะพัดว่าซิติค ซิเคียวริตีส์ร่วมมือกับกองทุนเฮดจ์ฟันด์ต่างชาติทำการชอร์ตเซลในตลาดหุ้นจีน ด้านแหล่งข่าวของซิติค ซิเคียวริตีส์กล่าวว่าการลงทุนเริ่มปี 2553 และสิ้นสุดลงแล้วหลังบริษัทโอนหลักทรัพย์ออกในเดือนพ.ย.57 และไม่ได้เป็นเจ้าของเฮดจ์ฟันด์อีก
- ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลง 0.3% ส่วน S&P500 ลดลง 0.2% ด้านดัชนี Nasdaq ทรงตัว. โดยการลดลงมาจากแรงขายหุ้นที่มีผลประกอบการ 2Q58 อ่อนแอ เช่น เอ็กซอน โมบิล, เชฟรอน, โคโนโคฟิลิปส์, เมอร์ฟี ออยล์ เป็นต้น
- ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงต่อ โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบก.ย.ลดลง 1.4 และ 1.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.12 และ 52.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยที่กดดัน คือ รายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 5 แห่ง เป็น 664 แท่น ขณะที่อิหร่านมีโอกาสที่จะผลิตน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น
+ ราคาทองคำปรับขึ้นหลังตลาดประเมินว่าเฟดยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย ล่าสุดสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.58 เพิ่มขึ้น 6.4 ดอลลาร์ หรือ +0.59% ปิดที่ 1095.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
ติดตามการประชุมกนง.วันที่ 5 ส.ค.นี้ ตลาดจับตาว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกรอบหรือไม่ ทาง DBSV ประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ คณะกรรมการฯ จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% จากปัจจุบันที่ 1.50% เป็น 1.25% แล้วทรงไปถึงสิ้นปีนี้ โดยการปรับลงอาจจะเป็นในการประชุมครั้งนี้เลย เพราะหากมีการปรับลดในการประชุมครั้งหน้าในวันที่ 16 ก.ย.58 ก็จะตรงกับการประชุมเฟด ที่มีโอกาสที่ทางฝั่งสหรัฐจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นโยบายการเงินของไทยและสหรัฐก็จะสวนทางกันอย่างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) ให้มีความผันผวนมากขึ้น
สำหรับหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่น ธนาคารพาณิชย์, ที่พักอาศัย ฯลฯ เราเห็นว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์อาจได้รับผลกระทบทางลบระยะสั้นบ้างแต่ไม่มากเพราะคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยแค่บางประเภทเพื่อรักษา NIM ส่วนกลุ่มที่พักอาศัย ก็อาจได้รับผลดีจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นไม่มาก เพราะความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังต่ำและธนาคารก็ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อที่พักอาศัย
ภายในเดือนส.ค.58 กระทรวงคมนาคมจะเสนอครม.พิจารณาโครงการรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพ-พัทยา-ระยอง 194 กม. วงเงินลงทุน 1.5 แสนล้านบาท และเส้นทางกรุงเทพ-หัวหิน 211 กม. วงเงินลงทุน 9.8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ความคืบหน้าของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐน่าจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนภาคเอกชนให้กระเตื้องขึ้น อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินลงทุนจะเข้าสู่ระบบจริงก็ต้องใช้เวลา คาดว่าจะเป็น 2H59 เป็นต้นไป ส่วนโครงการลงทุนที่อยู่ระหว่างดำเนินการก็ยังเดินหน้าต่อ โดยอาจมีความล่าช้าในบางโครงการบ้าง แต่ไม่มาก
เรายังคงแนะนำให้มีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนไว้ในพอร์ต โดยอาจะเป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างหรือวัสดุก่อสร้าง เพราะเชื่อว่าในที่สุดแล้วโครงการลงทุนขนาดใหญ่ก็ต้องเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะล่าช้าในช่วงที่ผ่านมา หุ้นเด่นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คือ CK, STEC หุ้นเก็งกำไร ITD ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างเป็น SCC หุ้นเก็งกำไร TPIPL
-/ กลุ่มพลังงาน : ธุรกิจพลังงานต้นน้ำยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PTTEP ส่วน PTT อยู่ในสถานะที่ดีกว่าเพราะมีกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่แข็งแกร่ง (Spread เพิ่มขึ้นดีในปี 58) และสายอะโรเมติกส์ที่เริ่มฟื้นตัว (Spread กระเตื้องขึ้นใน 2Q58) เข้ามาช่วยชดเชยการอ่อนลงของกำไรจาก PTTEP (PTT ถือหุ้น PTTEP อยู่ 65.29%)
โดยภาพรวมแล้วคาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นจะมีกำไร 3Q58 ไม่สดใส เพราะจะมีขาดทุนจากสต็อกหลังราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง ในเชิงกลยุทธ์ ในช่วงนี้เราให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มพลังงานเป็น Slightly Underweight โดยหุ้นเด่นเป็น BCP ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี เราชอบบริษัทที่มีรายได้หลักอยู่ในธุรกิจสายโอเลฟินส์ซึ่งมีแนวโน้มกำไรที่ดีต่อใน 2H58 หุ้นเด่นเป็น PTTGC และ SCC
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]