- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 August 2015 16:32
- Hits: 1527
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : แนวต้าน 1440 ถ้าผ่านขึ้นไปได้ อาจทดสอบ 1460-1465
SET Index : 1439.78 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวต้าน 1440 จุด หลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นมาค่อนข้างแรงเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 1400 จุด ซึ่งเราคาดว่า การฟื้นตัวของ SET Index ในระยะสั้น น่าจะมีแนวต้านที่ 1440 จุด แต่ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1460-1465 จุด ซึ่งเป็นแนวรับของรูปแบบสามเหลี่ยมเดิมก่อนที่จะปรับตัวลดลงไปทดสอบระดับ 1400 จุด แต่เมื่อพิจารณาความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง เราแนะนำให้เน้นการขายหุ้นออกเพื่อลดพอร์ต เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นให้น้ำหนักเป็นการฟื้นตัวทางเทคนิค และมียังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1400 หรืออาจถึง 1375 จุด
Energy : ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ 18000 และมีแนวต้านที่ 18700 ในขณะที่แนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงอยู่ที่ 17500
Bank : ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค โดยมีแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 492 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 505
ADVANC = 245 / 248, TASCO = 24.70 / 25.00, PK = 4.80 / 5.20, KTB = 17.40 / 17.60, TRUE = 11.00 / 11.20
S50U15 : 930.90 ปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 925-926 ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 930 ทำให้ทิศทางการเคลื่อนไหวของ S50U15 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 940 และ 950 เป็นแนวต้านสำคัญ ซึ่งเราแนะนำให้ STOP LOSS สถานะ Short ออกไปก่อน หลังจากทะลุผ่านแนวต้านที่ 925 ขึ้นมาได้ ในระยะสั้น เราแนะนำให้กลับเข้าไป Open Long ที่ 930 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 940-944 และมีจุด STOP LOSS สถาะน Long ถ้าปิดต่ำกว่า 922 ลงไป
GFQ15 : 18270 ปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 18300 หลังจากฟื้นตัวทดสอบแนวต้านที่ 18300 ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มของราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ US$1050-1060 และมีแนวต้านที่ US$1100-1105 จึงแนะนำให้เน้นการ Open Short โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 18350 เป็นจุด STOP LOSS สถานะ Short
S50U15 : 35.17 รอขายสถานะ Short ที่บริเวณแนวรับ 35.00 แนวต้าน 35.25-35.30
TECHNICAL FOLLOW UP : แนวรับ แนวต้าน
SET Index ทดสอบแนวต้านที่ 1440 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 1460-1465 1437 / 1432 1440 / 1444
S50U15 กลับเข้าไป Open Long โดยมีจุด STOP LOSS ถ้าหลุด 922 ลงไป 928 / 925 932 / 935
GFQ15 Open Short ที่แนวต้าน 18250-18300 แต่ STOP LOSS ถ้าทะลุผ่าน 18350 18200 / 18150 18300 / 18350
USDU15 รอ STOP LOSS สถานะ Short ที่แนวรับ 35.00 แนวต้าน 35.30 35.10 / 35.07 35.20 / 35.25
KTC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 83.00 และ 85.00 79.00 / 78.50 80.50 / 83.00
BANPU แนวโน้มขึ้นทดสอบ 26.50 และ 27.50 25.00 / 24.70 25.50 / 26.00
Forth Corporation (FORTH TB; THB 8.20) - ซื้อ
แนวต้าน : 8.60 และ 8.80 / แนวต้านสำคัญ 9.00
แนวรับ : 8.20 และ 8.10
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น หลังจากถูกขายทำกำไรในระยะสั้น แต่ราคาหุ้นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
MACD เคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ FORTH โดยมีแนวรับที่ 8.20 และ 8.10 และมีแนวต้านที่ 8.60 และ 8.60 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 7.90 ลงไป
E for L Aim (EFORL TB; THB 1.13) - ซื้อ
แนวต้าน : 1.20 และ 1.24 / แนวต้านสำคัญ 1.25
แนวรับ : 1.12 และ 1.10
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่บริเวณ 1.10 แล้วสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 40
แนะนำซื้อ EFORL โดยมีแนวรับที่ 1.12 และ 1.10 และมีแนวต้านที่ 1.20 และ 1.24 เป็นจุดขายทำกำไร แนวต้านสำคัญ 1.25
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.08 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...เริ่มมีสัญญาณการไหลเข้าของเม็ดเงิน
ช่วงก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ปรากฏว่าการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง จากการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์ที่ไปกดให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวลดลง จากรูปด้านซ้าย เราจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ต่างๆ นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอย่าง ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ค่าเงินดอลลาร์ ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว ยังปรับตัวขึ้นได้มากกว่าสินทรัพย์อื่นๆ ส่วนตลาดหุ้นเกิดใหม่ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมัน ทองคำและพันธบัตรต่างๆ ต่างปรับตัวลงรับข่าวการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ตามหากใกล้ถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ย แล้วค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้นต่อ เรามองว่าค่าเงินดอลลาร์อาจจะถูกขายทำกำไร
แรงซื้อของต่างชาติที่เข้ามาในวันศุกร์ถึงเกือบ 3 พันล้านบาท เรามองว่าเป็นสัญญาณในเชิงบวกกับตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนานๆจะได้เห็นการซื้อในมูลค่าที่สูง อย่างไรก็ตามแรงซื้อดังกล่าว เรามองว่าจะยังเป็นเหตุผลจาก 1. Cover short 2. มอง 6 มาตรการกระตุ้นเศษฐกิจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง 3. มองการขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐประมาณ เดือน ก.ย. จะเริ่มไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยเนื่องจาก ตลาดรับข่าวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูได้จากเม็ดเงินที่เข้ามาในวันศุกร์จะเน้นไปที่ 3 ตลาดหลักคือ มาเลเซีย อินโดนีเชียและไทย ซึ่งเป็นตลาดที่ดัชนีปรับตัวลงมามากพอ(ดูรูปด้านขวา) แม้ในช่วงสั้นจะมองว่าเป็นการ Cover short แต่หากเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหรือเกิดความชัดเจนเรื่องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ก็อาจจเป็นการเข้ามาลงทุนรอบใหม่ เพราะระยะหลังนักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเหนือบางประเทศ ซึ่งอาจจะมีบางส่วนเข้ามาพักในอาเซียน
เหตุผลอื่นๆ มาจาก 1.นักลงทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนลง หลังไม่มั่นใจเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจและควาผันผวนของตลาดหุ้นจีน 2. กองทุนที่ลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลดีในเอเชีย (Asia dividend paying equity fund) ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นที่จ่ายปันผล หลังความน่าดึงดูดใจจะน้อยลง จากอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรปรับตัวขึ้น หากสหรัฐขึ้นดอกเบี้ย และ 3. ผู้จัดการกองทุนในจีนได้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นของจีนในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าลง เหลือ 72.5% (ต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 2009) จาก 83.1% (จากการสำรวจของ Reuters)
แรงซื้อคืนหุ้นในวันศุกร์ที่เข้ามามากๆ คือกลุ่มที่ลงไปลึกก่อนหน้านี้คือ ธนาคารพาณิชย์ พลังงานและวัสดุก่อสร้างใหญ่ ดังนั้นหุ้นใน 3 กลุ่มนี้คาดจะยังแรงซื้อเข้ามาถึงอาทิตย์นี้ ส่วนกลุ่มที่น่าจะเริ่มกลับมาคึกคักหลังจากนี้ คือ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC/JAS) รับเหมา (STEC/CK) และขนส่ง(AOT/PSL/AAV) เนื่องจากยังขึ้นได้น้อย ขณะที่ได้รับประโยชน์จาก 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนกัน
ดัชนี SET ในสัปดาห์นี้คาดเปิดขึ้นมาน่าจะยังสามารถขึ้นได้อีก หลังตัวเลขเศรษฐกิจอย่างดัชนีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเดือน มิ.ย.ปรับตัวขึ้น นอกนั้น รอดูการประชุม กนง. ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ซึ่งคาดกันว่า กนง. จะยังทรงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ซึ่งน่าจะส่งผลดีระยะสั้นกับตลาด มากกว่าการปรับดอกเบี้ยลง เนื่องจากจะไม่มีแรงกดดันหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในสัปดาห์นี้ตลาดจะยังแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1470-1480 จุด จากแรงหนุน การประชุม กนง. และความชัดเจนเรื่องงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน วันนี้คาดดัชนี SET จะยังปรับตัวขึ้นต่อแม้จะมีแรขายทำกำไร หลังมีสัญญาณเม็ดเงินไหลเข้า โดยเป็นแรงหนุนของหุ้นใหญ่ วันนี้แนวต้านอยู่ 1452-1458 จุด ส่วนแนวรับที่ 1435-1430 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,439.78 จุด ลดลง 0.34 จุด(-0.02%)มูลค่าการซื้อขาย 15,833.46 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งในกรอบ 1432-1440 จุด การซื้อขายช่วงเช้ามีแรงขายจากกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับลง ขณะที่กลุ่มธนาคารยังหนุนตลาด ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. หดตัว -1.05% ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับลง หลังจีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค.ปรับลดลง ติดตามการประชุมกนง. (5 ส.ค.นี้)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดภาคบ่าย หากยังไม่ต่ำกว่า 1433 จุด สัญญาณการเก็งกำไรของ SET ยังดูดีต่อเนื่อง โดยยังมีโอกาสที่จะดีดตัวต่อไปที่ระดับ 1455 จุด เนื่องจากค่าเงินบาทเริ่มมีการแข็งค่าขึ้น หลังคาดการณ์ว่า คณะกรรมการ กนง. จะยังคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 5 ส.ค. นี้ ปัจจัยดังกล่าวน่าจะหนุนให้มีแรงซื้อ Cover short จากนักลงทุนต่างชาติ เข้ามาต่อเนื่อง มองหุ้นใหญ่ยังมีโอกาสดีดตัวต่อ เราชอบ KBANK ,KTB, SCC,AOT, PTTEP, ADVANC,IRPC ,PTTGC
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Forth Corporation (FORTH TB; THB 8.20) - ซื้อ
E for L Aim (EFORL TB; THB 1.13) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]