WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

"มีลุ้นรีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ"

Stock Picks-Jul 2015 : Fundamental : CENTEL, CK, CPN, IVL, TUF ส่วน Dark Horse คือ MCS, SYNEX

Fundamental Pick -Today: GL (ดูใน Company Focus)

Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF

Shot Sell-Prev : ERW 34%, AIT 22%, TISCO 18%, KBANK 17%

Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่มีสิทธิเด้งจากสภาวะ Oversold ระยะสั้น
Support Resistance Stop loss
SET 1400+/- 1420-1430 ค่าลบ
SET50 920,900 940,950 ค่าลบ


Technical Picks- Today : AJP, TAPAC, TPIPL, M

 

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
        ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลงอีกเล็กน้อย 4.48 จุด ปิดที่ 1408.07 จุด โดยเริ่มมีแรงซื้อกลับหุ้นใหญ่บางตัว เช่น KTB, PTTEP, PTTGC, SCC, CPN, ADVANC, INTUCH เป็นต้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อ 1.8 พันล้านบาท สถาบันในประเทศพลิกเป็นขายสุทธิ 1 พันล้านบาท พอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิกลุ่มละ 1.4 พันล้านบาท
นักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด 28-29 ก.ค.นี้ ว่าเฟดจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นช่วงก.ย.หรือธ.ค.58 และความหนักเบาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างไร รวมทั้งติดตามรายงานผลประกอบการ 2Q58 ที่กำลังทยอยออกมาด้วย เราคาดว่าระยะสั้นมากตลาดมีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิคหลังจากร่วงลงมาหลายวันทำการต่อเนื่อง แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและแนวโน้มผลประกอบการ 3Q58 ที่ยังไม่สดใสนัก ทำให้ระยะทางของการปรับขึ้นอาจจำกัด การลงทุนจึงยังต้องใช้ความระมัดระวังสูงและเน้นเลือกซื้อเป็นรายบริษัท สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น GL ซึ่งคาดว่าผลประกอบการยังเติบโตได้อีกต่อเนื่องในช่วง 2H58 และปี 59
วิเคราะห์ทางเทคนิค จากการ SCAN หาหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและราคามีโอกาสปรับขึ้นได้ในระยะสั้น พบว่า หุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น AJP, TAPAC, TPIPL, M ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BTS, ADVANC, BH, TRC, SIAM ส่วนหุ้นที่หลุด List เป็น UMI สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ในพื้นที่หาจังหวะขายทำกำไร คือ VNG

 

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐลดลงเป็น 90.9 ในเดือนก.ค. หลังแตะ 99.8 ในเดือนมิ.ย.
สหรัฐ : ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.9%YoY ในเดือนพ.ค. โดยเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับในเดือนเม.ย. แต่ต่ำกว่าระดับ 5.6% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
สหรัฐ : ติดตามผลการประชุมเฟด 28-29 ก.ค.นี้ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่อาจจะส่งสัญญาณเรื่องการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.หรือธ.ค.58
+ จีน : ธนาคารกลางจีนตอกย้ำถึงการเปิดรับการลงทุนในตราสารหนี้จากสถาบันต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 14 ก.ค.58 ธนาคารกลางประกาศยกเลิกระบบกำหนดโควต้าสำหรับการลงทุนจากธนาคารกลางชาติต่างๆ, กองทุนความมั่งคั่ง และสถาบันการเงินขนาดใหญ่ระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก ในตลาดพันธบัตรของจีน โดยสามารถเข้าสู่ตลาดซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดสปอต และตลาดซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งทำธุรกรรมสว็อปอัตราดอกเบี้ย โดยไม่ต้องมีโควตา เพียงแต่เข้าจดทะเบียนกับธนาคารกลาง มีผลบังคับใช้ 14 ก.ค.58 เป็นต้นไป ทั้งนี้ตลาดพันธบัตรจีนมีมูลค่าสูงถึง 6.1 ล้านล้านดอลลาร์
กรีซ : ตัวแทน EU และ IMF เริ่มเจรจารายละเอียดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกรีซรอบที่ 3 ตั้งแต่ 28 ก.ค.58 โดยมีกลุ่มเจ้าหนี้ทรอยก้าและ ESM เข้าร่วมด้วย คาดว่าจะสรุปได้ในวันศุกร์ที่ 31 ก.ค.นี้ ซึ่งการช่วยเหลือรอบนี้จะมีมูลค่า 8.6 พันล้านยูโร ระยะเวลา 3 ปี
+ ตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์ โดยดัชนี DJIA ปรับขึ้น 189.68 จุด (+1.09%) ดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 0.98% ส่วนดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.24% ซึ่งมาจากการซื้อเก็งกำไรหลังตลาดลดลงมา 5 วันทำการ และมีปัจจัยหนุนจากผลประกอบการบริษัทบางแห่งที่ออกมาดีกว่าคาด เช่น ยูพีเอส ที่มีกำไร 2Q58 +12% ฟอร์ดมอเตอร์มีกำไร +44%
ราคาน้ำมันดิบยังอ่อนแอ...แต่ BRENT ก็ลดในอัตราที่น้อยลง โดยสัญญา WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 47.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ BRENT ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 53.3 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาทองคำ COMEX อ่อนเล็กน้อย โดยสัญญาส่งมอบส.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,096.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนในตลาดทองคำกำลังติดตามผลประชุมเฟดในวันที่ 28-29 ก.ค.นี้ เพราะปัจจัยที่มีน้ำหนักต่อราคาทองคำมากในช่วงนี้ คือ ทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
- ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.58 ติดลบ 8% และต่ำสุดในรอบ 15 เดือน สำหรับ 6M58 ติดลบ 3.7%YoY โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงสำคัญ คือ HDD ลดลง 21.73 %YoY, โทรทัศน์ ลดลง 86.30%YoY รถยนต์ ลดลง 5.11%YoY ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ลดลง 18.84%YoY เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 57% ดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ 56.94%

- สศค.ปรับลด GDP Growth ปีนี้ลงเป็น 3% จากเดิม 3.7% เพื่อสะท้อนภาคส่งออกที่ชะลอตัว โดยสมมติฐานใหม่ให้ส่งออกลดลง 4% (เดิมเพิ่ม 0.2%) ส่วนท่องเที่ยวยังไปได้ดี จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนและมาเลเซียเพิ่มขึ้นมากทำให้ภาคบริการที่เกี่ยวกับท่องเที่ยวเติบโตได้ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตในปีนี้ ด้านการบริโภคและลงทุนภาคเอกชนยังเติบโตจำกัด สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 58 คาดไว้ที่ -0.6% มาจากราคาน้ำมันต่ำ อัตราการว่างงาน 0.8% และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 20.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมาจากเกินดุลการค้าและบริการ สำหรับกรอบค่าเงินบาทปีนี้คาดไว้ที่ 32.95-34.95 หรือเฉลี่ย 33.95 บาท/ดอลลาร์

- กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน : โตโยต้าปรับลดยอดขายในประเทศปีนี้เป็น 8 แสนคัน (ต่ำลง 15-20% จากคาดการณ์เดิมของตลาด) โดยในงวด 6M58 มียอดขายในประเทศ 369,109 คัน ลดลง 16.3%YoY (รถยนต์นั่ง -20.1%YoY ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ -13.6%YoY) ทั้งนี้ประเมินว่ายอดขาย 2H58 จะกระเตื้องขึ้นบ้างจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด สำหรับค่ายโตโยต้าปรับลดเป้าหมายรถยนต์ปีนี้ลง 15% (จาก 3.3 เป็น 2.8 แสนคัน)

-+ กลุ่มโรงกลั่น : ชอบหุ้น PTTGC และ BCP มากกว่า TOP ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV เห็นว่าราคาหุ้น TOP ที่ปรับขึ้นมาช่วงก่อนได้สะท้อนผลประกอบการ 2Q58 ที่แข็งแกร่งไปแล้ว ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 3Q58 จะอ่อนลงตามราคาน้ำมันที่ลง ยังผลให้มีโอกาสสูงที่จะขาดทุนในสต็อกช่วง 3Q58 รวมทั้งบริษัทจะมีขาดทุนจาก FX หลังบาทอ่อนด้วย เพราะมีหุ้นกู้รูปดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ชอบ PTTGC (ราคาพื้นฐาน 75 บาท) และ BCP (ราคาพื้นฐาน 39 บาท) มากกว่า เพราะ PTTGC มีธุรกิจโอเลฟินส์ที่ดีต่อใน 2H58 และ BCP มีกำไรจากธุรกิจพลังงานทางเลือกช่วยหนุน รวมทั้ง PTTGC และ BCP มี Forward P/E ปี 58 ต่ำกว่า TOP ด้วย โดยของ PTTGC อยู่ที่ 9 เท่า และ BCP เท่ากับ 10 เท่า ส่วน TOP เท่ากับ 11 เท่า โดยในส่วนของ Dividend Yield ใกล้เคียงกันที่ 4% สำหรับปี 58

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!